ถึงเวลานี้ของปีอีกแล้ว เวลาที่เรามานั่งทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นตลอดปีและก็สรุปเอาไว้ จริงๆแล้วเราเขียนเล่นๆมาหลายปีแล้ว แต่ปีที่แล้วเพิ่งเขียนบน Medium จริงจัง
ด้วยความที่ไม่อยากให้การอ่านมันซ้ำซากและก็น่าตื่นเต้น (?) ปีนี้เราจะเขียนเรื่องราวเป็นพาร์ทๆละกัน และก็จบด้วยสรุปสั้นๆแบบปีที่แล้ว มาเริ่มกันเลยดีกว่าาา
Prologue : ความเดิมปีที่แล้ว
ปีที่แล้วจบอยู่ที่เราเรียนจบปีสามเทอมหนึ่ง มีข่าวล่องลอยอยู่ในอากาศเรื่องไวรัสในต่างประเทศอยู่บ้างแต่ทุกๆคนใช้ชีวิตกันตามปกติแถมฝุ่นให้นิดหน่อย
ก่อนจะมาพูดถึงปีนี้ก็ขอย้อนไปดูสิ่งที่พูดไว้เมื่อสิ้นปีที่แล้วกันก่อนอ้างอิงจากใน Medium
- ศึกษาดนตรี : ปีนี้เล่นดนตรีน้อยลงมากๆๆๆ แต่ก็ลองจับกีต้าร์และก็เรียน Coursera ว่างๆก็กดคีย์บอร์ดเล่น แต่ไม่ได้จริงจังเท่าไหร่ หลังๆหันมาสนใจพวก Mixing และก็ DJ ต่างๆ (ทำไมนะเหรอ อ่านต่อไปซิ)
- เคนดามะท่ายากๆ : Lunar นี่นับปะ 5555 ยากอยู่นาาา ช่วยนี้ไม่ค่อยได้เล่นต่อแล้ว แต่ก็ไม่ได้อ่อนลงแต่อย่างได้
- เล่นเทคเค่นอย่างจริงจัง : เล่นเทคเค่นจนถึงประมาณเมษา คิดว่าจะลองลงแข่งเล่นๆ และก็โควิด
- ทำอาหาร: ได้ทำอาหารสมใจเลยบ้าเอ้ย 55555 ตอนนี้ทำอาหารที่ตัวเองกินบ่อยๆได้แล้ว และก็ลองทำอย่างอื่นไปด้วย
- ใช้คีย์บอร์ดญี่ปุ่นให้เป็น : ตอนนี้พิมพ์ดีดพอได้ระดับนึงแล้ว ทั้งคีย์บอร์ดใน Mac และก็ Wireless
- นอนบนบีทีเอสด้วยความแม่นยำ (ถึงสยามบุ๊ปตื่นไรงี้) : ปีนี้นั่งรถเลยแค่ครั้งเดียว ถึงพญาไทมั้ง ทีเหลือดีดตัวออกจากที่นั้งทันตลอด
- หาเวลาไปสอนอะไรสักอย่างที่ไหนซักแห่ง : สมัครเป็น DSC Lead และก็เปิดชมรมในม. มีไปพูดนิดหน่อยงาน Hacktoberfest ด้วย
- Flutter : ไม่ได้จับเลย แต่ก็มีทำงานที่ใช้ Flutter อยู่บ้าง
- AI & ML: ทำ NLP เยอะขึ้นและก็ได้ลองทำ ML หลายๆแบบ แต่ก็ไม่ได้เอามาใช้จริงซักเท่าไหร่
- กินลูกชิ้นที่ตลาดวันอังคาร : หายไปกับโควิด
โดยรวมคิดว่าหลายๆอย่างก็ยังเก็บได้อยู่ แต่ก็มีหลายๆอย่างที่หายไปกับสถานการณ์ปัจจุบัน
Part 1 : The dawn before the storm
ย้อนเวลากลับไปช่วงต้นปี ก็คงจะพูดได้เต็มปากว่าใช้ชีวิตปกติ เรียน, เล่นดนตรี และก็เที่ยวทั่วๆไป
- มีวันหนึ่งน้องสาวปวดมือนิดหน่อยพ่อชวนไปฝังเข็ม เราปวดหลังอยู่พอดีก็เลยขอลองไปติดด้วย สรุปจบที่น้องสาวฝังสองเข็มและก็ให้ยามา แต่เราฝังเกือบทั้งตัว, ครอบแก้ว และก็ดัดกระดูกครบกระบวนการ ถึงจะไม่ได้ทำให้หลังกลับมาปกติหายขาด ก็ทำให้รู้ว่าหลังเราควรเป็นยังไง
- ปีสามเทอมสอง จากพี่ๆหลายๆคนชอบสปอยมาว่าเดือดมากๆงานเยอะ ไฮไลท์เลยก็คือโปรเจคกลุ่ม 3 วิชาที่ทำโปรเจคเดียวส่งหมดทั้ง 3 วิชาเลย โปรเจคนี้ทำให้กลุ่มเพื่อนในภาคเราที่สนิทกัน สนิทกันมากขึ้นไปอีก (?) และก็เป็นประสบการณ์ลองทำระบบใหญ่ๆดู
- มีเพื่อนขอให้ช่วยทำเว็บลงทะเบียนงานไอดอลงานหนึ่ง วันงานว่าจะแวะไปดูก็แถมได้เป็นลูกมือคนคุมซาวด์อีกคน
- มีวันหนึ่งปั่น Report โปรเจคกันไต้ตึก 100 ปี จู่ก็ไปพบกับความถี่ Resonance ของโถงไต้ตึกแบบงงๆ (นั่งฮัมกันไปเรื่อยๆ)
- วันนั้นสั่งข้าวมากินได้น้ำมา 12 แก้ว แต่เข้าเบิ้ลฝามาทุกอันเลย สรุปได้ฝามา 24 อัน ภายหลังเพิ่งมารู้ว่าเข้าเบิ้ลฝามาเพราะกลัวมันหลุดและหกระหว่างทาง
- ช่วงปลายมกรามีงาน Japan Expo เหมือนเดิมแต่ปีนี้เราเน้นตาม อาสึกะคนเดียวมากกว่า (คนเก่าๆหายหมดแล้วง่ะ) ไปออฟไคทุกรอบ ไลฟ์ไอดอลก็ยังสนุกเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเท่าไหร่ 5555
- โทรศัพท์เก่าเริ่มพัง ส่งไปซ่อมสองรอบเริ่มเหนื่อย ก็เลยตัดสินใจซื้อเครื่องใหม่ Pixel 3A XL แต่รอบนี้เอาเงินเก็บตัวเองไปซื้อเองเลย (แม่เพิ่งมารู้ตัวว่าเปลี่ยนโทรศัพท์ช่วงต้นธันวา 5555)
- จู่ๆก็อยากย้อมผมสีแดงแม่ก็เลยพาไป ตอนแรกอยากได้สีที่มันประหลาดกว่านี้แต่ก็มาจบที่สีแดงก่อน
- เดินโซนบ้านหม้อครั้งแรกในชีวิตหลังจากได้ยินชื่อเสียงเรียงนามมานาน ประทับใจจาดๆ ใช้เวลาเดินทั้งวันก็ไม่หมดก๋วยเตี๋ยวกัญชาก็อร่อย โอ้ยยยย
- ไปเกษตรแฟร์ได้เพราะบีทีเอส ขากลับรู้สึกตัวอีกทีบัตรนิสิตหาย
- อิซากายะครั้งแรก เนื่องในโอกาสส่ง Milestone (foreshadow ครั้งต่อๆไปจำนวนมหาศาลในปีนี้)
Part 2 : The Quarantine
พอเริ่มหลังช่วงมิดเทอมปีสามเทอมหนี่ง จำนวนคนติดโควิตในประเทศไทยก็พุ่งขึ้นรัวๆ ทำให้ทุกๆบ้านต้องเริ่มมากักตัว แน่นอน วิชาในมหาลัยต่างก็ทยอยปรับมาเป็นรูปแบบออนไลน์กันทั้งนั้น
- ไฮไลท์ของช่วงนี้น่าจะเป็นเรื่องการทำอาหาร เพราะออกไปข้างนอกไม่ได้ แถมแถวบ้านไม่ค่อยมีอะไรกินด้วยเลยตัดสินใจทำอาหารเอง เมนูที่ทำส่วนใหญ่ก็เป็นที่กินบ่อยๆเช่นข้าวผัด, แกงกะหรี่ราดข้าว หรือไม่ก็สปาเกตตี้คาโบนาร่า
ข้าวผัดจานแรกๆ ใช้จานเยอะจาดๆ
กินแกงกะหรี่บ่อยมากๆ ทำง่ายดี
- ด้วยความที่ทำขนมช่วงนี้ด้วย ก็เลยมีวัตถุดิบกับอุปกรณ์เต็มครัว ว่างๆบางครั้งก็ยลองทำอะไรแปลกๆดูเช่น โรตี, พาสต้าสด, เกี๊ยวซ่า
สวยดี กินได้
- เกิดสนใจเรื่องมีดและการลับมีดด้วยหิน ก็เลยหามาลองดู ตอนแรกๆเลือดสาดอยู่หลายรอบ แต่หลังๆมาไม่เป็นไรแล้ว ช่วงที่ทำข้าวผัดทุกวันก็เหมือนฝีกเบสิกไปในตัวใช้มีดคล่องขึ้น
- ส่วนนึงของแรงบันดาลใจทำอาหารน่าจะเป็นช่องยูทูป Bon Appetit แต่น่าเสียดายหลังๆมีปัญหาภายในเลยไม่มีวิดิโอออกมาเลย สิ่งที่ก็คือฟังสิ่งที่นักรีวิวอาหารพูดรู้เรื่องในระดับนึง (แบบ Sous Vide, Dry Age ,Puree ,Juilenne)
- รู้สึกช่วงนั้น Animal Crossing บูมมากใน Nintendo Switch แต่เราไม่มีก็เลยเล่นอันที่มันเล่นได้ในโทรศัพท์แทน
- ติด Apex งอมแงม
- ช่วงจับกีต้าร์มาเล่น ลองลงคอร์สกีต้าร์บน Coursera ดู ยากดี แต่ก็ได้ความรู้เรี่องโน้ตบนเฟรต
- ปีนี้ฝีกงานที่ Taskworld ด้วยความที่อยากฝึกงานที่นี้มาตั้งแต่ปี 2 เขาไม่ตอบเมลล์ง่ะ) พี่ที่สอนดูแลดีมากๆ คอยให้ Task ที่ Challenge ตัวเองตลอดเวลา ไม่เคยได้ทำอะไรที่ง่ายเลย
- ช่วงฝึกงานเดือนแรกเป็นแบบ Work From Home เป็น Routine ที่ชัดเจนมาก ตื่น 9 โมง ทำงานๆๆๆ เย็นประชุม เลิกงาน เล่นเกมนิดหน่อย นอน ไม่ค่อยเฮลตี้เท่าไหร่ แต่มีวิดพื้นชาเลนจ์คอยช่วยชีวิตไว้อยู่
- พอฝึกงานไปได้ซักพักก็ไปทำงานข้างนอกได้บ้าง ก็เลยไปอาทิตย์ละครั้งสองครั้ง หลังเลิกงานนัดเพื่อนไปกินข้าวรัวๆเสียหายหลายพัน หลักๆก็ลองร้านอาหารญี่ปุ่นตามที่เขารีวิวกัน พักหลังคิดอะไรไม่ออกก็ spam ร้านโอกินาว่าคินโจไว้ก่อน
- กลางปีได้สมัครเป็น Lead ของโครงการ Google Developer Student Clubs ไป ตอนแรกคิดว่าจะไม่ติดแล้ว เพราะเขาบอกประกาศต้นกรกฏา แต่กลางเดือนแล้วยังไม่มีวี่แวว หลังจากนั้นสองวันก็มีเมลล์มาพอดี
- ทำชมรมช่วงนี้ Challenging มากๆ เพราะจัดงานก็ยาก และอื่นๆอีกมากมาย ช่วงจะลงมือจัดงานมีม็อบใกล้ๆมหาลัย วุ่นมากๆ แต่ก็เป็นประสบการณ์ที่ดี แก้ปัญหาเฉพาะหน้า
- ช่วงฝีกงานทำโปรเจคสั้นๆไว้เยอะมาก ได้มีโอกาสไปพูด Lightning Talk ที่งาน Hacktoberfest เรียกว่าขายของรัวๆ 555
- น้องสาวสั่งหูฟัง แต่มีทีวีส่งมาที่บ้านเขียนชื่อถูกต้องเสร็จสรรพ ก็เลยตัดสินใจว่าจะรอมาสักเดือน แล้วค่อยแกะเดือนต่อมา หลังแกะสองสามวันมีโทรศัพท์เข้ามาหาน้อง และก็คืนไป สุดท้ายน้องได้หูฟังที่ควรได้และก็แถมกระเป๋ากันน้ำมาอีกอัน
- ชอบการไปร้านขายของมือสองมาก แถวบ้านมาเปิดร้านนึง และก็มีร้านในเมืองแถวคินโจด้วย อย่างที่สโลแกนเขาชอบพูดไว้ "ขยะของใครบางคน อาจจะเป็นสมบัติของคืนอื่นก็ได้" ส่วนใหญ่จะได้ของจากซีรีย์ LL! ติดไม้ติดมือกลับบ้านมาบ่อยๆ (กลายเป็นของเก่าไปละ 10 ปีบ้านบอ)
- มีครั้งนึงเคยได้สแตนด์โน้ตมาในราคา 99 บาท แต่เหมือนชิ้นส่วนจะหายไปชิ้นนึงก็เลยจับ Vernier มาวัด, โมเดลละก็ปริ้น 3D ซะเลย ตอนนี้ก็มีสแตนด์โน้ตไว้ใช้แล้ววว
- มีโอกาสได้ไปทำอาหารที่ทริปชมรมด้วย ทำอาหารนอกสถานที่ครั้งแรกเย่ๆ
- ช่วงนี้ชีวิตส่วนใหญ่ไปอยู่ในดิสคอร์ดซะมาก ไม่ได้ไปไหนอย่างน้อยก็ไม่ได้อยู่คนเดียวเหงาๆ รื่นเริงดี 555
Part 3 : Back to Bushiroad
ส่วนนี้จะพูดถึงเรื่อง Weebๆ ที่เกิดขึ้นตลอดปี เนื่องจากช่วง Quarantine เราทุกคนต่างต้องหา Content มาทดแทนส่วนที่ต้องออกจากบ้าน ถ้าใครไม่ค่อยสนใจข้ามๆไปได้เลยนะฮะ
- ก่อนจบปีสามเทอมสองมีส่งรายงานของวิชา History of Animation เลือกเรื่องที่ตัวเองติดงอมแงมอยู่ช่วงนั้น (Revue Starlight) ด้วยความที่อินมากๆเลยใช้เวลาค้นค้าเยอะมากๆ สุดทายไปจบที่รายงาน 41 หน้า (Nerf ตัวเองโดยการใช้ตัวอักษรเล็กขอบกระดาษบาง)
- ช่วงที่ค้นคว้าข้อมูลทำรายงานก็ต้องไปแวะดูวิดิโอของค่ายนี้บ่อยๆ ซึ่งด้วยความเทพในตัวก็ Tie-in แบบบ้าบอมาก โฆษณารัวๆทำให้ค่อยๆโดนดึงเข้าไปในหลุมนี้ลึกขึ้นๆ
- ถึงช่วงนั้นจะรู้จัก BanG Dream เคยเล่น Girls Band Party ด้วยแต่ก็ไม่รู้เนื้อเรื่อง ไม่ฟังเพลง ไม่รู้จักนักพากย์เลย ตอนนั้นยังไม่รู้จักไอมิเลย รู้จักฮัชชี่ ไอๆ อายาสะ น่าจะแค่นั้น
- จุดเปลี่ยนน่าจะช่วง Golden Week (ต้นพฤษภา) ที่ออฟิเชียลใจดีเอาไลฟ์ที่บุโดคังมาไลฟ์ฟรีบนยูทูปรัวๆ ก็เลยหลวมตัวไปดูวันนึง และก็คิดในใจว่า "เออว่ะ เพลงแม่งใช้ได้เลยนี่หว่า" (หนอยแหน่ Elements Garden) และก็เริ่มกลับมาเล่น GBP จริงจังอีกครั้ง
- ตอนที่กลับมาเล่นมีอีเว้นท์วงใหม่เข้า Girls Band Party พอดีก็เลยลอง Tier อีเว้นท์สักครั้ง สุดท้ายไปจบที่ Top 5000 เซิฟด้วยพลังของตัวแบนเนอร์สองตัวที่เปิดได้พอดิบพอดี ได้ลิ้มความเจ็บปวดของการ Tier นิดหน่อย
- ช่วงกาชา Railgun x Poppin' Party คือกดเพชรกาชาหมดไอดี สองวันหลังจบอีเว้นท์เปิดได้คาสึมิเรทอัพ หลังจากดูเมะ Railgun T ตอนแรก บ้าเอ้ยยยย(ขลังจัด)
- นอกจากนั้น Youtube Recommendation ก็เป็นใจช่วยป้อนคอนเท้นท์เซย์ยูรัวๆ ทำให้ติดอยู่ในหลุมลึกขึ้นไปอีก นอกจากแฟนซับแล้ว พวกนักพากย์เองก็ผันตัวมาเป็นยูทูบเบอร์กันรัวๆ มีคอนเท้นท์ให้ดูไม่หยุดไม่พัก
ป้อนข้าว
- ช่วงหลังเลิกงานจะไปทลายทรัพย์ที่อนิเมทบ่อยมาก
- เข้าอนิเมทจังหวะดีหลายครั้งมากรอบนึงไปแล้ว Goods 8th Live ขายพอดี, อีกรอบบูธ D4DJ ตังพอดี, ล่าสุดมาตอน Discover Universe วางพอดี (แบบ Frame Perfect)
- ตามไปได้สักพักก็ได้ข่าวเกี่ยวกับโปรเจคใหม่ๆอย่าง D4DJ กับ Assault Lily จากนักพากย์ที่ตามอยู่ ลองไปจิ้มๆดูก็ได้แฟรนไชส์มาตามอีกสองเพราะเพลงมันโอเคมาก (หน่อยแหน่ Elements Garden)
- ไลฟ์แรกที่ดูของ D4DJ ที่จำไม่ผิดน่าจะ D4DJ Connect Live ที่ฉายฟรี ตอนนั้นเหลือบไปเห้นคอมเม้นพูดถึงดิสคอร์ทก็เลยกดเข้าไปจอย ในนั้นเขาคอลกันดุเดือดผ่านการพิมพ์มาก 5555 เป็นการเปิดโลกไปในตัว ดูไลฟ์ที่บ้านไม่เหงาอีกต่อไป
- หลังเปิดเทอมมี BanG Dream 8th Live เลือกไปดูสองวัน (Roselia กับ PPP) ลากเพื่อนไปดูด้วย วันแรกช็อคมากเพราะ Opening Act เป็นวง Merm4id ก่อน ทุกคนก็บ้าไปหมด 5555 (หน่อยแน่ Kidani)
- พักหลังก็เข้าไปสุงสิงในคอมมูนิตี้ Discord บ่อยมากเพราะคนเยอะดีดูอบอุ่น โดยเฉพาะของ D4DJ ไปเจอคนที่ simp คนเดียวกัน และก็คนมาจากไทยเหมือนกันด้วย
Part 3.1 : Learn Japanese, Again
พอตัวเองกลับมาคุกคลีกับภาษาญี่ปุ่นมากขึ้น เราเห็นจุดอ่อนตัวเองว่าคำศัพท์กากมาก เพราะไม่เคยได้ท่องได้เรียนเลย ก็เลยตัดสินใจหาอะไรมาช่วยท่องศัพท์
สุดท้ายไปเจอเว็บชื่อ WaniKani (https://www.wanikani.com/)ถ้าใครเรียนภาษาญี่ปุ่นเอง แนะนำเลย เพราะเรียนคำศัพท์เยอะมาก เขาจะคอยป้อนให้ตามความยาก และเราก็สามารถเรียนใน pace ที่ต้องการได้ (เราเลือกสุด 5555) คำศัพท์ที่เรียนไปแล้วก็จะกลับมาให้ทบทวนเรื่อยๆกันเราลืม
ด้วยความที่ความรู้เก่าเยอะหน่อยช่วงแรกๆเลยผ่านได้อย่างรวดเร็ว รู้สึกตัวอีกทีตอนนี้เรียนคันจิมา 407 ตัวแล้วทำให้อ่านญีปุ่นได้เยอะขึ้นมากๆ ฟินจัดๆ
ปีหน้าอยากเวลขึ้นให้ได้อยากน้อยถึงซัก 30
Part 4 : What's Life
พาร์ทนี้จะพูดถึงเรื่องที่เราดำดิ่งไปหาความหมายของชีวิตช่วงปลายปี
ช่วงปีสี่เทอมหนึ่งเราลงวิชาไปเยอะมาก เพราะหลายๆอย่างน่าเรียนและก็สนใจอยู่ (Japanese/ Optimization/ Stochastic Modelling/ UI Design/ Internet of Things) และหน่วยกิจก็ยังอยู่ใน Range ที่เคยๆเรียนมา
แต่ด้วย Nature ของการเรียนออนไลน์ อาจารย์หลายคนเลยต้องปรับการประเมินจากสอบมาเป็นส่งงาน ทำให้เทอมนั้นมีโปรเจค 3 + 1 (Senior Project) วิชาเต็มๆ ผสมกับชมรม DSC ที่ทำ และก็แบนด์ เลยทำให้ถึงแม้จะ WFH ก็ยังยุ่งสุดๆอยู่ดี ตารางส่วนใหญ่จะเป็น: จันทร์, อังคาร เรียน / พุธ ทำโปรเจค + ชมรม / พฤหัส เรียน / ศุกร์,เสาร์,อาทิตย์ ทำการบ้านแบบขี้เกียจๆ
ด้วยความที่งานมันถาโถมมาเรื่อยๆ รวมกับสิ่งที่เกิดขึ้นรอบๆตัว อยู่ๆก็มาถึงจุดที่เราไม่ทำอะไรและก็มานั่ง Question ทุกๆอย่าง เกินคำถามมากมายในหัวเช่น ทำไปทำไม ที่นี่ที่ไหน เราเป็นใคร และก็ลึกลงไปเรื่อยๆ ปกติเวลาดูวิดิโอเกี่ยวกับชีวิต (Life/ Biology) อวกาศ เวลา หรือ ความน่าจะเป็น เราก็จะมีคำถามอย่างงี้อยู่บ่อยๆ ความรู้สึกนี้น่าจะเรียกรวมๆว่า Existential Crisis/ Existential Dread
พอมีคำถาม เราก็อยากจะหาคำตอบ ที่ๆเราชอบหาคำตอบบ่อยๆก็น่าจะเป็น Internet หลายๆครั้งเราก็ได้คำตอบมาจากศาสนาบ้าง วิทยาศาสตร์บ้างเราเป็นคนที่ไม่ค่อยชื่อศาสนาเท่าไหร่เพราะว่าหลายๆอย่างมัน Verify ไม่ได้อย่างที่วิทยาศาสตร์ทำให้เราดูมาตลอด แต่ส่วนใหญ่คำตอบพวกนี้มันก็จะทำให้เราพอจำสักพักนึง จนคำถามเดิมมันกลับมาทำลายคำตอบเรา และก็วนกลับมาอยู่ที่เดิม ทำให้เราอยากจะหาคำตอบมากขึ้นอีก จากที่ไป Research มา อาการนี้เป็น OCD หรือ Existential OCD ซึงถ้าเราไม่ออกจาก Loop มันก็จะวนไปอยู่เรื่อยๆทวีความอยากหาคำตอบมากขึ้น
ความคิดที่ทำให้เราหลุดออกจาก Existential OCD น่าจะเป็นความคิดของ Existentialists (เช่น Existence precedes essence) เราแค่มีตัวตน มีความคิดอยู่ตรงนี้ ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ Value ต่างๆล้วนเกิดจากความคิดของเราทั้งนั้น หรือพูดง่ายๆก็คือชีวิตไม่ได้ถูก Design ให้มีความหมาย แต่เราเป็นคนสร้างความหมายให้มันเอง
สรุปให้ง่ายกว่านั้นอีกก็คือ ไม่ต้องหาคำตอบหรอก มันไม่มี ใช้ชีวิตอยากที่ตัวเองอยากใช้
ความคิดเหล่านี้ทำให้ Existential Thoughts พวกนี้ไม่วนเวียนกลับมาในหัวเท่าไหร่ มันไม่ได้หายไปไหน แต่เราก็เลือกที่จะอยู่กับความคิดนี้ตลอด (น่าจะเรียกว่า Perpetual Existential Crisis 555) แต่ก็แลกมาด้วย View ของโลกที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
ถ้าใครเจอเราช่วงท้ายๆปีอาจจะเห็นว่าเราแปลกๆหน่อย ก็ใช้แหละ 5555 ลืมวิธีเข้าสังคม ไม่ได้ออกมานาน แล้วก็ขี้เกียจหมดไฟส่วนหนึ่งด้วย ช่วงนี้ก็คิดซะว่าผักผ่อนไปก่อนละกัน
ปีหน้าๆอยากไปลองดูแลสุขภาพจิตตัวเองบ้างอย่างไปนั่งสมาธิปฎิบัติธรรม (เพื่อนแนะนำมา) หรือไม่ก็ลองหาจิตแพทย์ดู
Part 4.1 : No Life Pt. 2
ไม่ค่อยเกี่ยวกับเรื่องที่แล้วเท่าไหร่ ถ้าใครไม่สนใจเกมข้ามได้เลยนะฮะ พูดถึง No life ช่วงท้ายปีก็มีเกมไฟแรงแทรงทางโค้งโผล่ขึ้นมาชื่อ Genshin Impact ซึ่งด้วยเรทกาชาที่เลวร้ายมาก (เรียกว่ากดเพชรให้ครบแล้วได้ดีกว่า) หลายๆคนก็เลยไม่ค่อยมีอารมณ์เล่นเท่าไหร่ เราก็เล่นกัน เล่นไปได้สักพัก (กลางตู้ Klee) ก็เลิกเล่นไปแปปนึง
จำได้ว่าวันนึงแจกเยอะอยู่ แล้วตัวเองก็เปิดขำๆเม็ดสองเม็ดได้ Childe ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปกลับมาเคลียร์คอนเท้นที่ค้างไว้แล้วก็กลับมาติดเกมแบบไฮสปีด 5555
ล่าสุดกลั่นเพชรไว้เพราะคนบอก Albedo ไม่ดี ตู้หน้าน่าสนใจกว่า แต่แล้วก็มีคนมาขายแล้วก็กดจนได้ (จริงๆอยากได้ Benett) พอตัวการันตีออก 10 ครั้งต่อมาขอ Bennett ได้อีกตัว 5555
ช่วงหลังๆเลือดนักพจญภัยพุ่งพล่านเก็บ 100% ทั้งแมพ เริ่มไม่มีอะไรเล่น เกนชินก็เหมือนชีวิตพอคอนเท้นท์หมดมันก็น่าเบื่อต้องหาอะไรทำเพิ่ม (?) ล่าสุด Dragonspine เข้ามา ระเบิดทิ้งหมดภายใน 1 วัน (17 ชม) หมดสิ้นคอนเท้นท์
Conclusion/ Lesson Learned
ปีนี้ดูรวมๆก็เป็นอีกปีในชีวิตแต่อาจจะเสริมความตื่นเต้นขึ้นมา 200% เพราะมีเรื่องให้ลุ้นแทบทุกเดือน เคสขึ้นบ้าง, ไวรัส lockdown บ้าง, มี Mob บ้าง ข่าวต่างประเทศอีก หลายๆอย่างก็อาจจะไม่เป็นไปตามแผนของหลายๆคน แต่ก็เป็นความสนุกอีกแบบที่เราต้องแก้ป้ญหาเฉพาะหน้า
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเราทุกคนก็เลยต้องปรับตัว มาเรียนออนไลน์, เปลี่ยนไลฟ์สไตล์สำหรับเราก็ได้มุมมองใหม่ของชีวิตอีกด้วย 555
ถึงจะเป็นปีที่ไม่สวยหรูเท่าไหร่แต่สิ่งนึงที่เรียนรู้และเกิดขึ้นหลายๆครั้งก็คือ "สิ่งทีเราทำในวันนี้ ส่งผลอะไรซักอย่างในอนาคตไม่มากก็น้อย" เช่น ถ้าไม่ตัดสินใจคุยงานผ่านดิสคอร์ดแล้วใช้ Google Meet ต่อ ก็จะไม่มีที่นั้งชิวกับเพื่อน, ถ้าไม่ตัดสินใจทำอาหาร วันนี้ก็คนกินข้าวสวยกับอะไรสักอย่างอุ่น, ถ้าไม่สมัคร DSC ก็จะไม่ได้ทำงาน หรือปีที่แล้วถ้าได้ไปสมัคร YWC ก็จะไม่รู้จักคนในคอมมูนิตี้เยอะขนาดนี้ เพราะฉะนั้นตอนนี้เราทำอะไรในความสามารถได้ก็ทำ ทำวันนี้ให้ดีที่สุดเพราะเราก็ไม่รู้ว่าในอนาคตจะเป็นยังไง (cliche af)
อีกอย่างที่ได้เรียนรู้ปีนี้ก็คือคนเรามีเวลาจำกัด (ในหลายๆความหมาย) ด้วยช่วงต้นๆปีเราไฟแรงมากๆ คิดว่า Productive พอที่จะยัดทุกๆอย่างลงตาราง แต่ว่าลืมเวลาที่จะใช้พักผ่อน หรือเวลากับตัวเองเพราะคิดว่า เสาร์อาทิตย์ก็พอ เราคิดว่า Time Capacity พอแต่ละเลยเรื่อง Mental Capacity เลยเกิดอาการขี้เกียจกับทุกๆอย่าง ทำทุกอย่างก่อนเดดไลน์และคุณภาพก็ลดลง เพราะฉะนั้นในอนาคตพอเรารู้ Upper Limit ของตัวเองแล้ว เวลารับงานครั้งหน้าก็ต้องเพลาๆลงบ้างละ
ฟิลประมาณรูปนี้เลย
ที่เขียนของปีนี้เยอะเพราะตอนปีสามเทอมสองต้องเขียนอะไรเยอะมากๆ แล้วมันชินกับการร่าง Structure ยิ่งใหญ่ และก็เขียนยาวๆ 55555 มันต้องมีอะไรที่ลืมแน่ๆ ใครจะไปรู้ ถ้ารีเฟรชเพจนี้อาจจมีของงอกมาก็ได้นะ 5555
(บ่น) จริงๆปีนี้ควรจะจบด้วยทริปครอบครัว, ทริปแบนด์, YWC, ตี้บ้านเพื่อน, ทัวร์แบนด์, ทริปภาค และก็เปิดเทอม และก็เขียนจบใน Blog นี้สวยๆว่า "ขอให้ปีหน้าทุกอย่างกลับมาปกติ" ไรงี้ แพลนไว้อย่างสวย
แต่เปล่าเลยพอแยกจากครอบครัวกลับมาเตรียมไปทริปแบนด์ เรื่องน่าตื่นเต้นยังไม่จบ ศบค ประกาศจำนวนคนติดจังหวัดสมุทรสาคร ตู้มมมมม ตอนนี้ก็นอนอยู่บ้าน เข้าไปเดินเล่นใน Teyvat กลับมาทำข้าวผัดเหมือนเดิม ปีใหม่แพลนก็จะโล่งๆหน่อย
แต่ยังไงๆสุขภาพก็เป็นเรื่องสำคัญของทุกๆคนอยู่ดี ขอให้ปีหน้าทุกคนดูแลสุขภาพตัวเองและก็มาลุยกับสิ่งที่เรียกว่าชีวิตกันต่อ เพราะปีหน้าก็คงจะต้องอยู่แบบนี้ไปอีกซักพัก (ไม่ขอพรละ ปีที่แล้ว Jinx ไว้หนักมาก 55555 ใครสงสัยลองไปอ่านดู)
Epilogue: New Year Resolution
ไม่อยากให้ New Year Resolution เป็นภาระของตัวเองเท่าไหร่ แต่ก็อยากเขียนเอาไว้มาย้อนดูปีหน้าจากสิ่งที่ทำปัจจุบันละกัน
- DJ ให้ได้หกเดือนหรือมากกว่า
- เล่นเกนเชินให้ไม่เลิกก่อนจบปีสี่
- เว็บส่วนตัวที่ใช้การได้ในระดับหนึ่ง
- เรียนจบ
- มีงานทำ
- ทำอาหารเก่งขึ้น
- เริ่มทำบัญชี
- ใช้โทรศัพท์กับไอแพทโดยไม่พัง
- ทำสักเพลง/remix/อะไรก็ได้
- WaniKani LV 35 + (Bonus: LV 50) : หวังสูงจัดๆ
- Bonus : เข้าญีปุ่น
- Bonus : สอบ N2 ผ่าน
- Bonus : ทำ Pastry
ต้องเหลือที่ไว้หน่อย ใครจะไปรู้ว่าปีหน้าจะมีอะไรเพิ่มบ้าง 5555
Appendix: ไม่รู้จะเอาไปใส่ตรงไหนเลยมาใส่ที่นี้
- ปีนี้ดื่มแอลกอลฮอลล์เป็นเรื่องปกติไปแล้ว
- ดูหนังคนเดียวบ่อยมาก
- หลัง Lockdown ก็ยังเจอลุงแท็กซี่คันเดิมอยู่ ตอนนี้น่าจะครบ 15 รอบละ
- ย้อมผมสีแดงที่ร้านรอบนึง และก็ลองย้อมเองรอบนึง จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้ตัดผมเลย (จะครบปีละ 5555) ปีหน้าอยากย้อมสี Cyan
- กินราเมงคู่กับข้าวกะเพราะที่ดองกี้นับครั้งไม่ถ้วน
- ติดหนี้คนอื่นเป็นเรื่องปกติ (เพราะขี้เกียจพกเงินสด)
- ช่วงสอบไฟนอลปีสี่เทอมหนึ่งกินคัทสีคิงทุกวัน
- วันนึงจำได้ว่านั่งหลับในบีที่เอสตื่นมาอ้าวรถเกนชินนี่หว่า (น่าจะกดกาชา เห้อม)
- ระบบสุ่ม HamBot ขลังมากอยากได้อะไรออกหมด
Appendix: Projects/ Accomplishments
Appendix: New Abilities
- ทำอาหาร: ข้าวผัด, แกงกะหรี่, คาโบนาร่า, พาสต้าเส้นสด, โรตี, เกี๊ยวซ่า, ผัดผักโง่ๆ
- กลับมาเล่นกีต้าร์
- Optimisation
- Stochastic Modelling
- NLP เบื้องต้น
- FFmpeg / Image Encoding
- Nestjs ติดงอมแงม
- Nodejs Stream
- รู้จักตัวอักษรคันจิเยอะขึ้น (มากๆ)
- รู้ชื่อนักพากย์จากการฟังแปปเดียว (?)
- ทำ GIF
มีอีกและแต่นึกไม่ออก 5555
Appendix: Room Update / Stuff Update
- ขุดเจอหนังสืออาจารย์แดงด้วยแหละ
- ช่วงที่มีทีวีใหม่ก็ถือวิสาสะ เอาทีวีเก่ามาตั้งในห้องซะเลย และก็เอา Chromecast มาใส่ด้วย แต่พอทีวีหายไปได้แรงบันดาลใจไปซื้อ Mi Stick มาติดทีวีข้างล่างแทน Chromecast ที่หายไป
ดู D4DJ Connect Live อยู่บ้าน
- โปสเตอร์ของแถมเต็มไปหมดดด ย้ายปริ้นเตอร์มาว่างบนชั้นแทน
- สั่งหนังสือคิโนะบ่อยมาก แต่ถ้าวันไหนไม่ได้ไปรับหนังสือแต่เข้าคิโนะก็ได้หนังสือออกมาอยู่ดี ครั้งล่าสุดเข้าไปเฉยๆมีลดกระหน่ำก็กดไปเล่มสองเล่ม ซื้อหนังสือเอาของแถมบ่อยมาก
- คุ้ยซีดีร้านตรงเมกาพลาซ่าเล่นๆไปเจอ D4DJ Departures ลายโทวะ แถมขายในราคา 30 บาท นี่โชคชะตาปะ
- ล่าสุดเอาจอขวามาตั้งหวังว่าจะเขียนโค้ดได้เยอะขึ้น อ๋อป่าวเลย อ่านแชท ไถเฟส เล่นทวิตได้สะดวกขึ้น 100 เท่า
- หา mixer เพราะว่าระบบเสียงคอมซับซ้อนเกินไปแล้วคอมสองเครื่อง ไมค์หนึ่ง ลำโพงหนึ่งพอใช้ได้ในระดับนึงเลย (Behearinger Xenya QS802USB)
- คีย์บอร์ดใหม่ + เมาส์ใหม่ : RK61 เริ่มไม่ดีและก็ไม่มีลูกศรเลยกด RK71 ราคาใกล้ๆกันมา ส่วนเมาส์ใช้ Logitech M585 จะได้บลูทูธระหว่าง PC <-> MAC ได้เลย
- เนื่องจากไม่ได้ออกไปไหน ก็เลยตัดสินใจกด DDJ-400 มือสองมาซะเลยยเป็นของที่ด้อมๆมองๆมาหลายเดือนแล้ว ตอนแรกคิดว่าจะกดปีหน้า ด้วยอิทธิพลของ D4DJ และก็ Youtube Recommendation ก่อให้เกิดสิ่งนี้
By Tanyawat Vittayapalotai on December 30, 2020.
Canonical link
Exported from Medium on May 6, 2023.