Year In Review | December 2023Read in Outline
ปีที่แล้วว่าเร็วแล้วปีนี้เร็วยิ่งกว่าเดิมอีก ถามว่าเร็วขนาดไหนก่อนจะเขียนของปีนี้ลองแง้มๆไปดูของปีที่แล้วยังเขียนไม่เสร็จดีเลย 55555555 แปลว่าดองมาไว้จะครบปีแล้วอ่ะดิ จะว่าปีนี้ไม่มีอะไรเลยก็ไม่ได้ เพราะว่าเป็นปีที่ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำมาตลอด, และก็ยังมีการเปลี่ยนแปลงหลายๆอย่างเกิดขึ้นมากแทบจะหน้ามือเป็นหลังเท้าเลย แต่กลับกันก็เป็นปีที่ได้เรียนรู้อะไรสำคัญๆมากมายเหมือนกัน
ความเดิมจากปีที่แล้วอยู่ระหว่างเที่ยวญี่ปุ่น (อ่านได้ที่นี่) พอดี เปิดปีมาก็เลยค้างอยู่ญี่ปุ่นต่อไปอีกอาทิตย์นึง ถามว่าตัวเองตอนนั้นจะเห็นอนาคตของตัวเองในวันนี้ไหมตอบได้เลยว่าไม่ไม่ทาง 555 ถ้าพูดตรงๆจะเรียกว่าเป็นปีที่โนแพลนมากๆ (หรือแพลนที่เคยมีมันสลายไปซะเยอะเลยต้องหาแพลนใหม่ไปในตัวอีกที)
ปกติก็เหมือนจะเขียนให้คนอื่นอยู่หรอกหลังๆกลายมาเป็นเขียนให้ตัวเองในอนาคตอ่านซะงั้น
หลังจากกลับมาจากเที่ยวญี่ปุ่นก็กลับสู่โลกแห่งความจริงทำงานต่อจากที่ค้างไว้ แต่หารู้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นปลายเดือนมกราคม 555
ถ้าใครติดตามข่าวสารรอบตัวเราก็จะรู้ว่ามีหลายๆอย่างเกิดขึ้นที่บ.ที่ทำอยู่จึงเป็นเหตุให้ต้องออกมา หลายๆคนก็คงจะตกใจและก็เห็นเรื่องแย่ แต่ส่วนตัวไม่ได้คิดว่าเป็นเรื่องที่แย่อะไรขนาดนั้น (เพราะจริงๆก็เริ่มหาจังหวะมาสักพักแล้ว) แต่ที่ไม่ค่อยดีคือจังหวะมันกะทันหันโบะบะไปหน่อย (เป็นประสบการณ์ที่ได้แต่ไม่ค่อยอยากได้บ่อยๆ 555) มีดีอย่างก็มีเงินชดเชยช่วงระหว่างหางานใหม่
สุดท้ายอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด วันต่อมาก็เลยวางแผนต่อเลย ไหนๆก็มีเวลาประมาณสี่เดือนบวกกับประกาศสอบ JLPT N1 พอดี ก็เลยคิดว่าจะลองพยายามหางานทำที่ญี่ปุ่นซะเลย ถ้าเกิดได้ก็ไป แต่ถ้าได้ไม่ทันก็ทำงานที่ไทยต่ออีกปีให้โปรไฟล์มันดึขึ้น
ช่วงเดือนแรกๆก็แอบรีบส่งเรซุเม่ไปนุ้นนึ่แล้วเพิ่งระลึกได้ทีหลังว่าอันที่ส่งๆไปมันไม่ค่อยต่างจากช่วงจบใหม่เท่าไหร่เลย เลยใช้เวลาประมาณช่วงเดือนแรกกลับมาตั้งหลักและก็วางแผน, ทั้งรวบรวมพอร์ทโปรเจคต่างๆนาๆ และก็เริ่มทำเรซูเม่ภาษาญี่ปุ่น (มี 履歴書 และก็ 職務経歴書) เอาไว้เผื่อใช้
อุปสรรคแรกเลยคือตัวเองขึ้ลืมมาก จำอะไรไม่ได้เลยว่าที่ปัจจุบันทำอะไรไปบ้าง (จำได้แค่ช่วงใกล้ๆก่อนออก) เลยใช้เวลาสักพักนั่งระลึกแบบเบลอๆว่ามีอะไรบ้าง ระหว่างนั้นก็รวบรวมพวกโปรโปรเจคต่างๆนาๆของตัวเอง สดท้ายงอกออกมาเป็น Homepage ใหม่ของตัวเอง พอมานึกได้ว่าช่วงทำงานตัวเองยุ่งมากไม่ได้มีเวลามาทำอะไรพวกนี้เลย บทเรียนแรกเลยที่จะเอาไปใช้งานที่ต่อๆไปก็คือพยายามรวบรวมผลงานของตัวเองระหว่างทำงานเอาไว้ จะได้ไม่ต้องมานั่งระลึก + ถ้ามีตัวเลขด้วยจะดีมาก
พอเข้าเดือนที่สองก็เริ่มกลับมา Active กับการส่งใบสมัครอีกครั้ง ครั้งนี้ก็รวมไปถึงลองตอบๆพวก Headhunter ที่ติดต่อมาตาม LinkedIn ด้วย สุดท้ายมีได้สัมภาษณ์ประมาณ 2-3 ที่ (หางานจากต่างประเทศจะต่างกับหางานจากในประเทศหน่อย ยากตรงมันมีเรื่องวีซ่าทำงานจำนวนที่เปิดรับน้อยลงไปเยอะมาก)
ที่ๆได้สัมภาษณ์และก็ได้ Offer มาสองที่ก็เป็นบริษัทญี่ปุ่นกลางๆ-ใหญ่ๆอยู่สองที่ มีที่นึงหลายๆคนที่ไทยน่าจะรู้จักด้วยซ้ำ แต่ด้วยความที่จังหวะผลสัมภาษณ์มันไล่เลี้ยกันมากเลยมีเหตุที่ต้องตัดสินใจหนึ่งที่และก็รอผลของอีกที่ เป็นเหตุต้องให้อีกบ.นึงรอหน่อยได้ไหมซักอาทิตย์ สาเหตุที่ให้คำตอบไม่ได้เลยก็เพราะว่าลังเลเรื่อง Benefit และก็คุณภาพชีวิตการทำงานฟังที่ใกล้เคียงมาก สุดท้ายก็เลยเลือกที่ที่ให้ทำงานรีโมทเพราะว่าดูเหมาะกับสไตล์ตัวเองมากกว่า
จากที่ได้ยินมาหลายๆที่การหางานเป็นเกมของ คอนเนคชั้น (เส้นสาย) บวกกับโปรไฟล์ และก็การพรีเซ้นต์ตัวเอง ส่วนตัวก็คิดว่าคงต้องฝึกฝนพัฒนาตัวเองด้านนี้ไปอีกถ้าอยากจะไปให้ใกล้กว่านี้ (แต่ก็ยังไม่ค่อยชอบทำ Leetcode อยู่ดี)
ช่วงหลังๆนี้สังเกตุหลายๆคนในวงการ Tech ชอบยื่นสัมภาษณ์บ.ต่างๆระกว่างที่ตัวเองกำลังทำงานประจำอยู่ พอฟังเหตุผลแล้วก็ดูฟังขึ้นอยู่ ว่าเป็นการซ้อมสำหรับบ.ที่ตัวเองอยากเข้า บวกกับเป็นการดูมุลค่าของตัวเองในตลาด (แต่ไม่รู้ว่าจะเป็นการไปรบกวนบริษัทที่ไปสัมภาษณ์หรือเปล่านะ แบบมาแล้วไม่เข้าไรงี้ 555) ถ้ามีโอกาสก็อยากจะลองทำบ้าง
หลังจากได้ Offer มาก็ไม่ได้จบตรงนั้นหรอก เพราะว่ากว่าจะรอฝั่งบ.ที่ญี่ปุ่นยืนขอใบทำงานก็ใช้เวลานานแสนนาน และจะได้ไปเมื่อไหร่ก็ไม่แน่นอน แต่ที่ได้ยินมาจากหลายๆที่ก็มี 1-3 เดือน ระหว่างนั้นก็ทำอะไรไม่ค่อยได้นอกจากเตรียมตัวให้พร้อมให้ไปทำงานให้เร็วที่สุด
หลังจากผ่านไปเดือนครึ่งวีซ่ายังไม่ออกมาอีกเริ่มท้อแท้จะได้ไปหรือเปล่านะ คิดว่าจะหางานพิเศษทำรอละ จนต้องขั้นด้วยการหาเรื่องไปเที่ยวญี่ปุ่นก่อนไปจริงครั้งนึงอีก 555
ก่อนไปญี่ปุ่นหลังจากไปอยู่ญี่ปุ่นเรื่องราวเป็นยังไงจิ้มเลยๆ (เขียนเสร็จถึงไหนก็ไม่รู้, ตอนแรกก็ตั้งใจเขียนอยู่หรอกไปๆมาๆลืมเฉย) --> Ham in Japan !
สิ้นปีที่แล้วสอบ JLPT N1 กะลองดูซะหน่อยผ่านไม่ผ่านไว้ว่ากันอีกที แต่สรุปก็ผ่านรอบแรกซะงั้นกลายเป็นว่าบรรลุเป้าหมายการเรียนของตัวเองไปแบบงง แล้วยังไงต่อล่ะทีนี้ ? (ดูจะเป็นธีมของปีนี้) เลิกเรียน, ทำอย่างอื่น ? เรียนภาษาอื่น ?
ใช้เวลาซักพักในการค้นหาตัวเองว่าเรียนไปทำไมเรียนอะไรต่อดีอะไรงี้ หลักๆก็มีสองสามทางคือเรียนคันจิเพิ่มให้ครบ 2136 (คันจิทั่วไป, ณ ตอนที่ไปสอบรู้เฉียดๆ 1500) , ซ้ำของที่ตัวเองรู้อยู่แล้วให้แม่นๆไปอีก, หรือฝีกไปสอบ Kanji Kentei ต่อ ที่ต้องเรียนเกี่ยวกับคันจิลึกลงไปอีกะ (ถามว่าจะไปสอบอีกไหม ไม่น่าจะไปสอบอีกซักพัก)
ช่วงระหว่างปีก็ทำทุกอย่างไปพลางๆ แต่ไม่ได้ทำเป็นกิจวัตร์เหมือนปีสองปีก่อน, มีโอกาสก็เรียนเพิ่ม, ฝึกเขียนเพราะว่ายุ่งๆกับหางานด้วย
ช่วงก่อนจะไปญี่ปุ่นก็กลับมาทำ Wanikani นิดหน่อยให้ครบ Level 60 และก็ต่อไปอีก 200 ตัวที่อยู่ในคันจิทั่วไป แต่ไม่ได้อยู่ใน Wanikani จนครบ 2136 ตัว
หลังรู้คันจิทั่วไปก็กลับมาจุดเดิมว่าทำอะไรต่อ 555 เพราว่าถ้าพ้นคันจิทั่วไปไปแล้วขอบเขตจะยิ่งกว้างขึ้น และก็หาเจอได้น้อยลง (แบบอาทิตย์ละครั้งอะไรงี้ Easter Egg ประมาณนั้นเลย 555, ชื่อเฉพาะต่างๆ, ของยุคสมัยก่อน, เหมือนหา) จะไปต่อหรือหยุดแค่นี้
ก็เลยตัดสินใจซื้อหนังสือเตรีมสอบ Kanken ระดับเกือบสูงสุด คิดว่าถ้าหลับหูหลับตาท่อง มันก็ต้องมีอะไรเข้าหัวแหละ ตอนแรกก็จำได้บ้างอยู่นะ แต่หลังๆมันเริ่มฝึดๆละก็หยุดทำไป, ถ้ามีเวลาก็อยากกลับไปทำอีกนะ สนุกดีอ่านอะไรยากๆ มีโอกาสเจอในชีวิตจริงอยู่บ้าง เช่นพวก 謬見、罫線 แต่ถ้าจะเอาไปสอบจริงๆต้องเขียนได้ และต้องรู้วิธีใช้แบบลึกอีก บวกไปอีกชาตินึงน่าจะได้ไปสอบ ส่วนตัวไม่ได้หวังจะผ่านอะไรขนาดนั้นก็เลยไม่ได้ตั้งใจทำพวกนี้เท่าไหร่
ช่วงกลางๆปีมีเกมที่โคตรตอบโจทย์ชื่อ KanjiでGO! ที่เป็นเกมตอบคำอ่านของคำที่เกมให้มา ทำให้เกิดสนใจคันที่อ่านยาก (難読漢字,คันจิที่มีคำอ่านเฉพาะ เดาแทบไม่ได้ต้องจำเอาหรือเดาจากความหมาย) พวกชื่อปลา ชื่อต้นไม้ ชื่อพืชอะไรพวกนี้ 555 พักหลังเวลาไม่รู้จะจำอะไรก็จะหาคันจิยากๆมาท่อง ถึงกับต้องมาทำ Aibou (แอปเรียนภาษาญี่ปุ่นของตัวเอง) ให้ซัพพอร์ทอะไรพวกนี้ใหม่
พอกลับมาทำงานก็ไม่ค่อยได้เรียนแบบจริงจังเท่าไหร่เพราะว่ายุ่งกับงาน และก็เอากำลังไปฝึกพูด, เขียนสำหรับใช้ในที่ทำงานอะไรงี้ดีกว่า (ญี่ปุ่นล้วนๆ ได้ใช้ทุกวันแน่นๆแน่ๆ 555) กลายเป็นพูดญี่ปุ่นเยอะกันถ้าไม่ได้พูดไทยมีโอกาสลืมแน่ๆ
เวลาส่วนมากอีกอย่างนึงก็ใช้กับการสุงสิงอยู่ในดิสคอร์ทคนเรียนภาษาคอยตอบคำถามชาวบ้านและก็แลกเปลี่ยนความรู้ต่างๆ
จริงๆก็อยากเรียนภาษาเพิ่มนะ แต่เป็นอะไรที่ค่อนข้างใช้แรง และตอนนี้ก็ยังไม่มีภาษาที่สนใจ (ในแง่ที่ว่าเอาไปใช้จริง, น่าเรียนก็มีเยอะอยู่หรอกแต่ถ้าไม่ได้ใช้ก็ไม่มีความหมายเท่าไห่ร) ก็เลยเลือกอยู่กับภาษาญี่ปุ่นต่อไปอีกหน่อยละกัน จนกว่าจะเจอภาษาที่น่าสนใจ 555
ด้วยการที่มีเวลาว่างหลังจากตกงานก็มีเวลากลับมาทั้งทบทวนตามพวก Tech ต่างๆที่ไม่ได้ติดตามมากสักพัก (ช่วงทำงานที่เก่าะยุ่งโคตรๆไม่ค่อยได้มีเวลามานั่งเขียนโค้ตเล่นๆเท่าไหร่) มี Lib ใหม่ๆเช่น Svelte, Solid อีกมากมายที่ได้ยินแต่ชื่อแต่ไม่ได้แตะเลย 555
ช่วงหางานเจอปัญหานึงคือไม่มีที่เก็บผลงานตัวเองก็เลยตัดสินใจทำ Homepage ใหม่ รอบนี้อยากแหวกแนวเลยลองใช้ SvelteKit ดู Syntax ฟิลคล้าย Vue มากค่อนข้างแฮปปี้กับหลายๆอย่าง แต่ก็ไม่ชินเท่า React + JSX ที่เขียนมาตลอด 555 จุดมุ่งหมายหลักๆก็คือหาที่รวบรวมผลงานเอาไว้โชว์คนอื่นด้วย
นอกจากเขียน Homepage ใหม่เสร็จก็มารื้อ Infrastructure ตัวเองใหม่อีกที่และก็เพิ่มของเล่นเข้าไปใน VM เช่น Outline (ไว้เก็บโน้ตคล้ายๆ Notion, ทุกๆคนน่าจะกำลังอ่านจาก Outline อยู่), Vaultwarden (ไว้เก็บรหัสผ่าน), Keycloak (Oauth), Minio (S3 Storage) ทำเหมือนมี Cloud เป็นของตัวเอง 5555 ข้อดีคือทุกอย่างอยู่ในเครื่องเดียว (ถ้าเกมก็หายเกลี้ยงน่ากลัวพอๆกัน 5555)
หลังจากทำเสร็จมาสักพักก็รู้สึกคันไม้คันมืออยากทำใหม่อีกแล้วเพราะหน้าตากระจอกเกินไม่มี Impact เท่าไหร่ เลยตัดสินใจเริ่มศึกษาเรื่อง Design โดยเริ่มจากหาไอเดียตามหนังสือนู้นนี้ ตอนนี้ยังอยู่ในช่วงหาจุดมุ่งหมาย (เพราะถ้าจุดประสงค์ไม่แน่นดีไซน์ออกมาก็ไม่ค่อยเห็นผลเท่าไหร่) และก็เก็บเกี่ยวไปด้วย, มี Sketch เอาไว้บ้างแต่ยังไม่ออกมาเป็นรูปเป็นร่าง 555
อีกโปรเจคนึงที่ยัง Maintain อยู่ก็คือแอปไว้ช่วยเรียนภาษาญี่ปุ่น เพิ่มฟีเจอร์สำหรับท่องศัพท์อะไรงี้ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เขียนโค้ตหรอก แต่อยู่ที่จำนวนโค้ตที่ต้องโละต่างๆ 555 เป็นการโดนพิษของ Tech Debt ที่ตัวเองก่อเอาไว้ซะเยอะ จริงๆที่ทำงานใหม่ก็ได้มีโอกาสได้ขึ้นโปรเจคอยู่บ้าง ทำให้เวลาเขียนโค้ตต้องพยายาม Balance ความอยากเขียน กับกรรมที่ก่อเอาไว้ให้คนที่มาจับต้องโค้ตเราต่อ 555 ต่อไปนี้ก็อยากจะระวังอะไรพวกนี้มากขึ้นจะได้ไม่ต้องมานั่ง Lecture คนอื่นเวลามาเขียนโค้ตต่อจากตัวเอง
งานที่ทำประจำอยู่ตอนนี้ก็มีโอกาสได้ทำโปรเจคหลายๆแบบ เพราะเป็นบ. Consult, เลยมีโอกาสได้ตัดสินใจ Tech-stack หรือเลือก Lib อยู่บ้างทำให้ต้องหันมาติดตามว่าสมัยนี้พวก Component Framework, State Management ต่างๆนาๆมีอะไรบ้าง และก็มาเทียบโน้นเทียบนี้ ลองลงมือสร้างโปรเจคอีกอะไรอีก นอกจากนั้นก็เซ็ตพวก Github Actions/ Linter/ Formatter ไปอีก
สำหรับปีหน้าอยากลองเข้าไปช่วย Open Source บ้าง ล่าสุดมูฟออนจาก Chakra-UI มาใช้ Lib จากคนสร้างเดียวกันชื่อ panda-css ที่เป็น CSS-in-JS คล้ายๆ Emotion ผสมๆกับ Tailwind และก็ ark-ui ที่เป็น Headless-UI (เอาสองอันมาประกอบกันได้ Chakra-ui เหมือนเดิม 5555 ลองใช้แล้วลื่นมือมากแต่ก็มีบักอยู่บ้างเลยอยากลองไปช่วยดู
ปีนี้งานอดิเรกเพิ่มอีกแล้ว ลดดีไหมนะ…
เนื้อหาลึกมากใครอยากข้ามข้ามเลย 5555
ปีที่แล้วลองเล่น Darts และก็พกความอยากเล่นกลับมาที่ไทยเริ่มจากสรรหากระดานมาเล่นก่อนเลย 555 สั่งของ Decalthon บน Shoppe มา
หลังเล่นไปสักพักก็อัพเดทกระดานมาเป็น Dartslive Home เพราะว่าขี้เกียจนับคะแนน และกระดานมันดันลดราคาพอดีเล่นอย่างเพลิน 5555
ถามว่ามีเป้าหมายไม่จริงๆก็ไม่มีเท่าไหร่ง่ายๆแค่เพราะมันสนุก แต่ก็อยากเก่งขึ้นๆไปเรื่อยๆแหละมั้ง
หลังจากเล่นไปเรื่อยๆก็ลองสรรหาที่เล่นในกรุงเทพ และก็ Community ว่ามีขนาดไหนเลยไปเจอร้านขายอุปกรณ์ใกล้บ้าน และก็ร้านที่มีคนไปเล่นประจำๆในเมือง พอไปคุยกับคนที่เล่นก็รู้ว่าที่ไทยเน้นเล่น Steel มากกว่าและก็มี Community ที่ใหญ่มากมีแข่งอยู่ประจำๆ ก็เลยลองหลวมๆตัวเข้าไปเล่นสตีลบ้าง
พอไปบ่อยๆเขาก็เริ่มชวนไปเล่นลีคชวนไปแข่งนู่นแข่งนี้สนุกดี หลักๆก็มีไปเล่นซ้อมที่ร้านใกล้บ้าน (ชนะบ้างแพ้บ้าง), ลีค Softdarts (ที่ฝีมือตกลงไปเรื่อยๆ) และก็ไปเล่นบ่อยๆทุกวันศุกร์ มีอยู่ศุกร์นึงชนะด้วยเออ 555, และก็มีลองเขาไปเล่นรายการ Tournament ใหญ่อันนึงแต่ก็แพ้ยับเยินตามฝีมือ (ปิดได้ตั้งเกมนึง !) แต่ที่สำคัญคือยิ่งกว่าฝีมือคือไม่ตื่นเต้น 55555
ก่อนจะไปทำงานญี่ปุ่นมีงาน PDC Asia Tour ที่มีนัก Darts ที่ตามเชียร์บ่อยจากญี่ปุ่นก็บินตามๆกันมาแข่งยกแก๊งเลย ตอนแรกตัวเองไม่ได้ลงแข่งไม่ได้เกี่ยวกับแข่งเท่าไหร่ แต่ก็ลองแย็บๆถามคนที่ไปดูว่าแวะไปได้ไหมเข้าบอกได้ก็เลยตามไปเลย หลังจบงานก็ขอถ่ายรูปกับนักเรียกคะแนนในตำนาน Russ Bray และก็ผู้เล่นในตำนาน Paul Lim (แถมชนะในวันนั้นด้วย)
พักนี้ก็ยังปาเล่นๆอยู่ คันไม้คันมือเลยต้องหามาตั้งในห้องอีกอัน (ดีที่อยู่ในญี่ปุ่นค่าส่งไม่แพง) มีปัญหาอยู่อย่างเดียวคือทำตกบ่อยๆข้างห้องจะด่าเอา ถ้ามีโอกาสแวะไปอากิบะหรือเจอตู้ก็จะพวกดาร์ทไปเล่นด้วย 555
จนถึงตอนนี้ก็ยังหาท่าปาที่ตัวเองพอใจไม่ได้ 555 เปลี่ยนไปเรื่อยๆเมื่อไหร่จะนิ่งซะที
ตอนแรกกะว่าจะลอกของปีที่แล้วแต่ปีที่แล้วดันไม่ได้เขียนอะไรซักอย่าง 555 เอาเป็นว่าปีที่แล้วจริงๆปีที่แล้วก็ไปงานไอดอลอยู่หรอกแต่ก็ไม่ได้ตามอะไรขนาดนั้นแค่แวะไปดูไปหาเพื่อนอะไรงี้ เพราะว่าวงที่ตามแทบจะไม่มีแล้วจนกระทั้ง…
งาน Japan Expo Thailand 2023 มีวง Dempagumi.inc มาไทย ด้วยความที่ตัวเองตาม Perorin Sensei มาตั้งแต่สมัย Beboga ยังไม่ยุบในที่สุดก็ได้เจอในรอบ 5 ปี 5555 บวกกับ Dempagumi.inc ที่จะมาเยือนแดนสยาม จริงๆช่วงนั้นก็น่าจะหลังตกงานพอดียังช็อคอยู่นิดๆแต่ก็ช่างมันไปละกัน
พอมีวงใหญ่ๆมาไทยก็จะมีคนญี่ปุ่นตามมาดูด้วย ครั้งนี้ก็มีแก็งโอตะเดนปะบินมาจากญี่ปุ่นเยอะแยะ และก็เป็นแก๊งเพื่อนพี่ดลลี่เลยทำให้เข้าถึงง่ายหน่อย ตอนนั้นตัวเองก็พูดญี่ปุ่นคล่องมาสักพักแล้ว และก็กะตามแค่วงเดียวก็เลยเนียนติดไปกับแก๊งนั้น นอกจากดูไลฟ์แล้วก็ชวนไปกินข้าว แลกเปลี่ยนวัฒนธรรม (?) ได้เพื่อนมามากมาย คนที่บินมาก็ดูชอบด้วยเพราะว่าที่ญี่ปุ่นเขาไม่ค่อยเชียร์กัน แต่ที่ไทยเชียร์กันมันสุดโต่ง 5555 เอาจริงๆก็เรียกว่าเป็น Hilight นึงเลยก็ได้มั้ง 55555
ส่วนตัวเวลามีเพลงที่ตัวเองฟังมาตลอดเล่นสดก็จะรู้สึกตื้นตั้นอย่างบอกไม่ถูก 555 รอบนี้มีแต่เพลงที่อยากฟังเน้นๆโดยเฉพาะ Den Den Passion กับ Future Diver ที่ได้ฟังทั้งคู่เลย !
อีกวงนึงที่ตามปีนี้ก็พ่วงมาจากปีที่แล้วที่คิระฟอเระแวะมาไทยแต่วงแตกและก็เดบิ้วใหม่เป็นคอสมิวที่มีเมมเบอร์จากหลายประเทศที่ตอนแรกเหมือนจะเน้นออกนองประเทศด้วยมั้งเลยมีโอกาสได้เจอบ่อยๆตั้งแต่ที่ไทย พอไปญี่ปุ่นช่วงว่างๆก็แวะไปดูแต่วงนี้ก็เลยได้เชกิเพิ่มมาเกือบร้อยใบ 5555
อีกไฮไลท์นึงของการตามไอดอลปีนี้ก็คือบังเอิญได้ไปเที่ยว TIF เพราะจังหวะดีจัดเป็นว้นใกล้ๆที่บินไปญี่ปุ่นพอดี จริงๆส่วนตัวก็ไม่ได้มีอะไรอยากไปเป็นพิเศษหรอก แต่ไหนๆก็ไหนๆแล้วแวะไปซะหน่อยละกันไรงี้ มี Dempagumi เล่นเวทีใหญ่ด้วย รีวิวละเอียดๆเดี่ยวไปเขียนแยกทีหลังละกัน (ลืมแน่) แต่วันนี้ได้เดินไปๆมาตามเวทีดูหลายวงมาก และด้วยความที่มีไอดอลมาไทยบ่อยๆทำให้ดันรู้จักหลายๆวงไปในตัวอีก 555 กลายเป็นได้ทำอีกอย่างในสิ่งที่ตัวเองอยากทำมานาน
ช่วงๆท้ายปีไม่ค่อยได้ไปงานไอดอลเท่าไหร่เพราะติดงานนักพากย์เลยต้องจัดระดับความสำคัญ 5555 ปีหน้าก็คงจะต้องดูอีกที่แต่ตอนนี้ไม่ได้ตามเยอะแยะเท่าไหร่แล้ว
จริงๆครึ่งแรกไม่ค่อยมีอะไรเท่าไหร่แต่ก็ตามอะคารินอยู่ห่างๆบนเน็ต 555 พออะคารินประกาศทัวร์คอนเสริทช่วงกลางปีเลยลองสุ่มลุ้นบัตรไปดู (ไม่ได้ตั้งใจจะไปขนาดนั้นเลยไม่ได้กดรอบเร็วสุด/ ต้องซื้อซีดี) สรุปได้มาสองที่ โอซาก้า กับ โตเกียว เลยจัดทริปด่วนๆว่าจะไป (ช่วงนั้นก็ยังไม่มีงานทำอยู่ดี… แต่ได้ทีทำงานแล้วรอวีซ่าตลอดการ) + หาเรื่องไปแวะบริษัทที่จะไปทำงาน 555 + ทริปวันเกิด (?) + หาห้องพักหลังย้ายมา ละเอียดๆทริปเดี๋ยวเขียนทีหลังละกัน 555 (ลืมแน่)
เอาเป็นว่าพอได้ไปไลฟ์ทัวร์ที่โอซาก้ากับ โตเกียวแล้วก็รู้สึกตื้นตันเป็นธรรมดาเพราะตามมาสามปีกว่าเพิ่งได้ไปหาครั้งแรก แถมมีมิโอคุริ (โบกมือใกล้ๆตอนเดินออก) ให้ได้ทักทายนิดหน่อยใกล้ๆด้วย
ด้วยความที่งานเกี่ยวกับนักพากย์หลายๆอย่างต้องเตรียมตัวพวกกดตั๋วล่วงหน้านานมาก ช่วงได้มาญี่ปุ่นเลยไม่ได้มีอะไรเตรียมไว้เลย 555 มีความชิวไปได้ก็ไปกดเอารอบช้าสุดตลอดไม่ได้แคร์อะไรเท่าไหร่ว่าจะได้ไปหรือไม่ไป
งานอะคารินแรกที่ได้ไปหลังจากไปญี่ปุ่นก็คือ Animelo Summer Live 2023 จริงๆก็ไม่ได้ตั้งใจจะไปแต่มีคนชวน และก็มีตั๋วพอดีเลยไปก็ได้วะ 555 เป็นไลฟ์ในอารีน่าใหญ่แรกที่ได้ดูและศิลปินเยอะมาก มีคนที่ตาม คนที่เคยตาม เพลงที่ชอบฟังเต็มไปหมด (เต็มๆเขียนทีหลังละกัน 555) แต่ตอนนั้นอยู่โคตรไกลเวที กล้องส่องทางไกลแบกจนหลังหักก็ยังเห็นตัวเล็กนิดเดียว
ถัดไปอาทิตย์นึงเป็นงานฉายอนิเมะรอบก่อนออกอากาศบนทีวี พอเทียบกับไลฟ์ในอาริน่าอาทิตย์ก่อนใกล้กว่าเยอะต่างกันฟ้ากับเหว 555 อยู่ๆก็ทำให้อยากไปทุกๆงานที่ไปได้เลยกดตั๋วงานที่กดได้หลังจากนั้นรัวๆ 5555
หลักจากงานนั้นก็ไปแทบทุกงานที่จะไปได้ในขอบเขตกำลังของตัวเอง 555 เช่นงานวันเกิด, งานรีลีสอีเว้นท์, งานฉายอนิเมะ, งานอนิเมะ (มีอันที่ไปไม่ได้ไปเช่น โคตรไกลฮิโรชิม่า, หรือว่างานรีลีสรอบที่ไม่ถูก) (เดี๋ยวเขียนละเอียดๆแต่ละอันอีกที, ลืมแน่)
อีกงานใหญ่โคตรๆก็คือ Ijigen Fest Idolmaster x LoveLive ด้วยความที่ตัวเองตามสองซีรีส์นี้ห่างๆ และงานนี้ก็ทุกวงมาทั้งแผงเลยรวมทั้งวงที่อยากดูด้วย บวกกับเป็นงานที่จัดในโตเกียวโดม เลยเป็นงานที่พิเศษ (และก็โคตรคุ้ม) สำหรับตัวเองมาก (ยาวๆเดี๋ยวเขียนไปอีกที, ลืมแน่) ด้วยพลังของงาน ijigen fes ก็เกิดกลับมาสนใจอะไรพวกนี้อีกครั้งรวมทั้ง Lovelive อันใหม่ (ฟังเพลงมาซักพักแล้วแหละ แต่ไม่ได้ไลฟ์จริงเท่าไหร่)
ส่งท้ายปีมีคอนเสริต Love Live Nijigasaki 6th Live จัดที่จังหวัดไอจิ ด้วยความที่ตัวเองวันหยุดเหลือเยอะมากและจะหมดอายุมกราปีหน้า เลยจัดสินใจจัดทริปสั้นๆไปนาโกย่าซะเลยใช้ข้ออ้างเป็นชดเชยที่ตัวเองไม่ได้ไปรอบทัวร์ + หาเรื่องเที่ยว + เผาวันลา 5555 เป็นงานที่ได้พบปะคนที่ตามอะคารินเหมือนกัน และก็เพื่อนๆชาวต่างชาติด้วย เป็นการจบปีที่ดี (ยาวๆเดี๋ยวเขียนไปอีกที, ลืมแน่)
ส่วนใหญ่ปีนี้ไปเที่ยวต่างก็มีจุดมุ่งหมายจะไปงานอะไรซักอย่างทั้งนั้นเลย 555 พักหลังเริ่มชินกับการเที่ยวคนเดียวบ่อยๆแล้ว และก็รู้สึกว่ารู้สึกว่าไปเที่ยวแต่ละครั้งรุ่นแรงกับร่างกายมาก 555
Tokyo, Kito Akari Tour 6/2 - 6/16
Nagoya, 12/21 - 12/24
ปีนี้เป็นปีที่มีอะไรเกิดขึ้นเยอะมากทั้งเรื่องไม่ค่อยดีเช่นอยู่ๆก็ตกงาน, และก็เรื่องดีๆแบบการได้บรรลุเป้าหมายหลายๆอย่างของตัวเอง หรือว่าได้ทำสิ่งที่ตัวเองใฝ่ฝัน (หรือว่านี้เป็นพลังของปีกระต่าย !?)
หลายครั้งปีนี้ก็ต้องกลับมาคิดว่าบรรลุเป้าหมายแล้วยังไงต่อ เช่น ผ่าน N1, ได้มาทำงานที่ญี่ปุ่น, ได้ไปงาน TIF, ได้ไปดูไลฟ์ที่ Dome, ได้ไปคอนเสริต Love Live และก็อีกมากมาย ด้วยความที่ส่วนตัวใจจดใจจ่อไปกับเป้าหมายมากไปหน่อยเลยหลายๆครั้งมองพ้นไปถึงสิ่งที่อยู่หลังจากนั้น แต่หลังจากเจอโจทย์นี้หลายๆครั้งในปีนี้ ก็เลยได้คำตอบเบื้องต้นว่า เป็นหมายนั้นเป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้นเอง และก็ควรจะคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นด้วย (งงปะ 555) อย่างที่อยากจะทำก็คืออยากจะเริ่มกลับมาทบทวนแผนชีวิตระยะยาว (?) อีกครั้ง
อีกปัญหานึงที่ตัวเองมีปีนี้คือเรื่องการบริหารเวลา ด้วยความที่สิ่งที่ตัวเองอยากทำเยอะมากช่วงนี้ก็เลยลำบากมากกับการบริหารเวลา (และทรัพย์ ?) จนบางครั้งเยอเกินขี้เกียจบ้างลืมบ้างจนสุดท้ายไม่ทำอะไรซักอย่าง ช่วงท้ายๆปีเริ่มหันมาทำ TODO อยากจะให้มันกลายเป็นนิสัยที่มาจดสิ่งที่อยากทำลง TODO และก็มานั่งไล่เคลียร์ตอนที่มีเวลา
ช่วงรอวีซ่านานก็ลำบากอยู่เพราะว่าไม่มีเงินเดือนอยู่ประมาณ 2-3 เดือนต้องมาใช้เงินเก็บตัวเอง หลังมาญี่ปุ่นเงินเดือนที่ได้โดนหักนู่นนี้เยอะกว่าที่คิด 555 เพราะฉะนั้นงานอีเว้นท์อาจต้องจะเบาๆลงซักหน่อย (ไม่รอดแน่)
ปีหน้าก็ครึ่งทางของช่วงอายุ 20 ปีแล้ว ได้ยินจากหลายคนบอกว่า 25 จะเป็นอายุที่ไม่ค่อยดี (?) ก็คงต้องมาลุ้นกันอีกทีว่าจะสมคำร่ำลือไหม 555
ตามสูตรเดิมก่อนจะมาเริ่มของปีนี้ก็มาดูของปีที่แล้วกันก่อน
เอาเป็นว่าให้ประมาณ 8.5/10 ด้วยความที่เขียนไว้น้อย แล้วยังมีงานอดิเรกกับความรับผิดชอบใหม่เพิ่มขึ้นมาก็รู้สึกว่าเป็นที่น่าพอใจแหละมั้ง (คิดเองเออเอง)
สำหรับปีหน้าคร่าวๆก็คงเป็น
อาจจะดูเยอะไปไหมมาลุ้นกันอีกทีว่าจะทำได้ขนาดไหน 5555
© 2023-2024 HamP, Assets used in the site belongs to respective owner | View Source