Translations | May 2023Read in Outline
"ไอดอลคืออะไร ?" ถ้าโดนถามคำถามนี้, พวกเธอจะตอบกันยังไงนะ
สาวน้อยใส่ชุดน่ารักๆ ร้องเพลงและก็เต้น แฟนคลับก็ส่งเสียงเชียร์ และก็สนุกไปกับการแสดง
คงจะคิดอย่างงี้กันอยู่ใช่ไหม ?
งั้นแปลว่า ไอดอลคือนักร้องเหรอ ? ไม่จริงหรอก, หลายๆคนชอบบอกว่าไอดอลร้องเพลงห่วย
มีคนมากมายที่ร้องเพลงเก่งกว่านี้เยอะแยะ
แล้วการเต้นล่ะ, ชัดๆเลยว่าต่างกับนักเต้นมืออาชีพ งั้นแปลว่าไอดอลคือสาวน้อยน่ารักๆอ่ะดิ ?
แต่ว่าสาวสวยทุกคนก็ใช่ว่าจะเป็นไอดอลทุกคนนิ และเมมเบอร์ที่เป็นที่นิยมที่สุดในกรุ๊ปก็ใช่ว่าจะเป็นสาวสวยตลอด
พอเห็นภาพไหม ?
จริงๆก็มีคนบอกว่าไอดอลสไตล์การแต่งตัวดี แต่ว่าสรีระของแฟชั่นโมเดลกับไอดอลก็คนละอย่างกันเลย
อ้าว งั้นไอดอลคืออะไรล่ะ ?
ร้องเพลงก็ไม่เก่ง, นักเต้นก็ไม่ใช่, แล้วก็ไม่ใช่สาวสวยเสมอไป สไตล์การแต่งตัวก็ไม่ได้ขนาดนั้น
แล้วไอดอลนี่เด่นในเรื่องอะไรกันหละ เป็น "โปร" ในด้านไหนกันนะ ?
เรื่องนี้สำคัญมากนะสำหรับพวกเธอที่อยากจะเป็นไอดอล
ไอดอลคืออะไร ? ทำงานแบบไหน ? ถ้าไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้ ก็คงจะไปต่อไม่ได้เลย
สิ่งที่ตัวเองอยากจะเป็นจริงๆแล้วคืออะไรกันแน่ ? ถ้าไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้ก็จะไม่มีทางเป็นได้หรอก
สมมุติว่าเธอไปสมัครออดิชั่นที่นึง เธอไม่ผ่านและแต่เด็กคนอื่นผ่าน
เด็กคนนั้น, ก็ไม่ได้น่ารักกว่าเธอ, ร้องเพลงไม่เก่ง, เต้นไม่ได้เป๊ะขนาดนั้น, สไตล์การแต่งตัวก็งั้นๆ
คงจะคิดว่าตัวเองดีกว่าในเรื่องพวกนี้ทั้งหมดแน่ๆ
แต่เธอไม่ผ่านออดิชั้น และเด็กคนนั้นกลับผ่าน "ไม่เข้าใจเลย !" เธอคงจะคิดอย่างงั้น
ตัวเองขาดอะไร, อะไรที่ยังไม่พอ ถ้ายังไม่รู้ว่าขาดอะไร ก็จะไม่รู้ว่าต้องพยายามตรงไหน
ยกตัวอย่างเช่นการวิ่งร้อยเมตร
การแข่งขันที่วัดกันว่าใครวิ่งระยะร้อยเมตรได้เร็วที่สุด
แล้วฟุตบอลล่ะ ทุกคนคงจะเข้าใจกันดีอยู่แล้วว่าฟุตบอลคือ
เกมสำหรับทีม 11 คน, เตะบอล และก็แข่งกันทำคะแนนยังไงละ
คงจะไม่มีนักวิ่งร้อยเมตร หรือนักฟุตบอลที่ไม่รู้กฏกติกาก่อนแข่งเหรอกเนอะ
แต่เธอที่อยากจะเป็นไอดอลล่ะ, ไม่รู้ว่าไอดอลคืออะไร
ก็เหมือนกับนักกีฬาที่ไม่รู้กฏกติกาของกีฬาที่ตัวเองแข่งอยู่ยังไงล่ะ ยังไงก็ไม่มีทางชนะหรอก
นักกีฬาวิ่งร้อยเมตรถ้าออกตัวพลาด ก็จะเรียนรู้ว่าพลาดตรงนั้น และก็ไปฝึกตรงนั้นซ้ำๆ
ถ้าเกิดหมดแรงกลางคัน, ก็จะไปฝึกเพื่อเพิ่มความแข็งแรง
การฝึกอย่างงี้คงจะเป็นเรื่องปกติเนอะ
แต่เธอละ, ไม่รู้เลยว่าทำไมถึงไม่ผ่านออดิชั่น
พอไม่รู้ว่าไม่ผ่านเพราะอะไร, ก็ไม่รู้ว่าจะต้องทบทวนตรงไหน และก็ต้องไปพยายามเพิ่มตรงไหน
สำหรับสาวๆที่อยากเป็นไอดอล ก็คงทำได้แค่ไดเอ็ตแหละเนอะ
สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเธอ สิ่งที่ต้องทำเป็นอย่างแรก
นั้นก็คือ
เข้าใจว่าไอดอลคืออะไรยังไงล่ะ
สรุปแล้ว, ไอดอลเป็นอาชีพแบบไหนกันล่ะ
เอาหล่ะ ผมจะมาสอนให้ฟัง
สมมุติว่า, ถ้าเธอจะซื้อซีดีไอดอลอันนึง ทำไม่ถึงซื้อกันนะ ? ลองนึกดูซิ
ซื้อเพราะว่าร้องเพลงเพราะเหรอ ? ก็อย่างที่บอกไป, มีคนร้องเพลงเก่งกว่าไอดอลเยอะแยะไป
แต่ว่าถ้าเกิดมีลุงที่ร้องคาราโอเกะได้ร้อยคะแนนเต็มตลอดล่ะ จะซื้อซีดีเขาไหม ? ก็คงไม่หรอก
แล้วซีดีจากคุณป้าที่เรียนจบจากมหาวิทยาลัยดนตรี ร้องเพลงเป๊ะไปหมด จะซื้อไหม ? ก็น่าจะไม่เหมือนกัน
ใช่แล้วแหละ เราคงจะซื้อเพรา "ชอบ" ใช่ไหมล่ะ
ไอดอลคืองานที่ทำให้คนอื่นมา "ชอบ" เรายังไงล่ะ
เรียกอีกแบบได้ว่า "เป็นงานที่ใช้ความ "ชอบ" มาขับเคลื่อนให้ใช้จ่าย" เหมือนกัน
แสดงออกมาได้ในทั้งรู้แบบ CD, โฟโต้บุ๊ค, หรือการแสดงไลฟ์
ถึงจะร้องเพลงเก่งขนาดไหน, ร้องเพลงถูกขนาดไหน, ถ้าไม่มีคน "ชอบ" ก็คงจะไม่มีคนมาซื้อ CD
นั้นคือไอดอลยังไงล่ะ
หลังจากได้อ่านมาถึงตรงนี้ เธอก็คงจะเข้าใจหนึ่งในสิ่งที่สำคัญที่สุด
ตัวตนของสิ่งที่ตัวเองใฝ่ฝัน, สิ่งที่อยากจะเป้น
จนถึงตอนนี้ก็ได้เข้าใจสิ่งนั้นแล้ว
"ไอดอลคืองานที่ทำให้คนอื่นมา "ชอบ" เรายังไงล่ะ"
เข้าใจไหม, และก็อย่าได้ลืมสิ่งนี้เด็ดขาดนะ
เอาล่ะ, เรามาช่วยกันคิดกันดีกว่าว่าทำไมแฟนๆถึง "ชอบ" ไอดอลคนคนหนึ่ง
ทำไมมนุษย์ถึง "ชอบ" คนคนนั้น
อย่างแรก, ทุกคนคงจะรู้อยู่แล้ว มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะไปชอบคนที่เราไม่รู้จัก
แล้วไอดอลหรือดาราล่ะ, พวกเราไปรู้จักพวกเขายังไง
ใช่แล้วแหละ โดยผ่านสื่อเช่น ทีวี, นิตยสาร, อินเตอร์เน็ต ยังไงล่ะ
ตัวอย่างเช่นไอดอลมือใหม่คนนึง, ออกรายการทีวีทุกวัน คนที่ดูผ่านๆก็จะได้รู้จักไอดอลคนนั้น และในคนพวกนั้นก็จะมีคนที่มา "ชอบ" ยังไงล่ะ
คนพวกนั้นก็คือ "แฟนคลับ" นั้นเอง ซื้อซีดี, ดีวีดี, โฟโต้บุ๊ค ของไอดอลที่ชอบ และก็ไปดูไลฟ์ ขั้นตอนเป็นยังงั้นแหละ
แต่ว่า, ยังไงกันนะ
พอออกทีวีแล้วก็จะได้รับความนิยม, แต่มีแต่คนดังที่ได้ออกทีวี แต่คนที่ดังมาตั้งแต่แรกก็ไม่มีจริง
ไม่ว่าจะเป็นคนดังหรือไอดอลคนไหน, ตอนแรกก็คงจะเริ่มจากเป็นคนไม่มีชื่อทั้งนั้น เหมือนๆกับเธอยังไงล่ะ
มันต้องมีอะไรซักอย่างที่ทำให้ดังขึ้นมา นั่นก็คือ, คนที่มา "ชอบ" ไอดอลคนนั้นเป็นคนแรกยังไงล่ะ
ผมได้โอกาสเป็นกรรมการตัดสินในออดิชั่นของไอดอล หรือ งานประกวดมือใหม่บ่อยครั้ง
ผมถูกถามอยู่บ่อยๆว่า "ปกติตัดสินจากอะไรเหรอ" จากพวกหนุ่มๆวัยมหาลัย
พวกเขาชอบเปิดนิตยสารแนวๆ "สาวสวยที่เห็นได้ทัวไปในเมือง" และก็ชี้สาวๆที่แต่ละคนชอบ
"เราชอบคนนี้ว่ะ !", "ไม่อ่ะ, เราชอบคนนี้มากกว่า", "อืมม, คนนี้ละกัน"
"คนที่อาจารย์ นากามูระ (ผู้แต่ง) เลือกในออดิชั่น, ก็เป็นคนที่อาจารย์ชอบไม่ใช่เหรอครับ ? "
ผมก็ตอบไปว่า "ใช่, ผมเลือกจากความชอบของผมเองแหละ"
แต่ว่า, ผมกับพวกเขามีความแต่ต่างกันอยู่
ผมเป็นนัก "ชอบ" มืออาชีพยังไงล่ะ
ความ "ชอบ" ของผม มีความรับผิดชอบอยู่
ลองคิดดูสิ, คนคนนึงที่ผมเลือกในออดิชั่น
จะทำชีวิตของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างยิ่งใหญ่เลยทีเดียว
ผมเคยได้รับมอบหมายให้เป็นกรรมการการประกวดนางงามญี่ปุ่นระดับชาติครั้งที่ 7
ปีนั้นมีคนสมัครเข้ามามากกว่า 15,000 คน และก็ในการคัดเลือกรอบสุดท้ายมีสาวน้อย 20 คนยืนเรียงกันอยู่
เหล่ากรรมการเป็นคนตัดสินคนที่จะได้รางวัลต่างๆ
แต่ผมยอมรับไม่ได้เลย เพราะว่ามีคนนึงที่น่าสนใจมากๆ เป็นสาวน้อยตัวเล็กๆ
ร้องเพลงก็ไม่ได้เก่ง, การแสดงก็ไม่ได้เก่งขนาดนั้น, หน้าตา, การแต่งตัวก็ไม่ได้เป๊ะ
แต่ผมจำได้เลยว่าใจรู้สึกกระวนกระวายอย่างบอกไม่ถูก เป็นสาวน้อยที่เหมือนสุนัขที่ถูกทิ้งไว้ข้างถนน
ปล่อยไว้ไม่ได้, ถ้าทิ้งไว้อย่างงี้ยังไงต้องเสียใจภายหลังแน่นอน ผมต้องทำอะไรซักอย่าง
ผมบอกกับกรรมการคนอื่นว่า ต้องหารางวัลอะไรซักอย่างให้เธอคนนี้
แน่นอนว่ากรรมการคนอื่นไม่ได้เห็นด้วยกับผม แต่มีคนคนหนึ่ง, ที่คิดเหมือนกับผมทุกอย่าง
คนคนนี้เป็นคนประธานค่ายบันเทิงที่จัดการประกวดครั้งนี้
"แต่ว่า พวกเราไม่ได้เตรียมใบประกาศ หรือสายสะพายไว้นะ"
"ท่านประธาน! เรื่องใบประกาศไม่เป็นไรหรอก แต่ถ้าเราไม่เลือกเด็กคนนี้, ยังไงก็ต้องเสียใจภายหลังแน่นอน"
หลังจากนั้น, เหล่ากรรมการก็ได้เตรียมรางวัลพิเศษเพิ่มให้
พอพิธีกรประกาศชื่อเด็กคนนั้น, เธอก็ลุกขึ้นและเดินขึ้นไปกลางเวที ใช่แล้วแหละ, เด็กคนที่เหมือนสุนัขที่ถูกทิ้งนั่นแหละ
ยิ้มจนแก้มปริไปเลย ดีจังเลยนะ ผมอยากจะได้เห็นรอยยิ้มนี้แหละ
กลางเวที่ที่แสงสาดสอง สาวน้อยคนนั้นได้ยืนอยุ่ตรงนั้น
เธอคนนั้นคือ อุเอโดะ อายะ (上戸彩) ตอนอายุ 11 ขวบ
ลองเปลี่ยนเรื่องกันดูดีกว่า
วันหนึ่งโปรดิวเซอร์ที่รู้จักมานานติดต่อมาว่ามีอะไรอยากให้ดูมากๆ
และก็ได้คำเชิญไปดูไลฟ์ครั้งแรกของไอดอลกรุ๊ปใหม่
ที่นั่งมีแต่คนในวงการทั้งนั้น บนเวทีมีสาวน้อย 20 คนเรียงกัน, ร้องเพลง และก็เต้น
ถ้าให้พูดตรงๆ, ร้องเพลงกับเต้นยังไม่พร้อมหรอก และก็ไม่มีคนที่สวยหรือสไตล์ดีด้วย ทุกๆคนดูตื้นเต้นกันมาก, ทำหน้าทำตาก็แข็งทื่อ แต่ว่าความพยายามและแพชชั่นของพวกเธอส่องออกมาถึงคนดู
ระหว่างที่ดูการแสดงบนเวที, อยู่ๆตาก็ไปหยุดอยู่กับเมมเบอร์ที่ "โอ๊ะ, คนนี้ดูดีแหะ ดูท่าจะ "ชอบ" เหมือนกัน"
ช่วงเวลาตอนนั้นได้ถูกเรียกว่า "หน้าหนาวของไอดอล", เป็นช่วงที่ไอดอลไม่ได้ความนิยมเลย, ไม่เห็นเลยในทีวี
จะดีเหรอ ? ที่มาเดบิวตอนนี้, พวกเธอจะอยู่รอดได้ไหมนะ ? ผมกังวลเรื่องนี้มาก
เป็นเรื่องของเมื่อ 7 ธันวาคม 2005
ใช่แล้วแหละ AKB48 ยังไงล่ะ
ไลฟ์ที่ผมดูตอนนั้นคือไลฟ์แรกสุดของ AKB48 และคนที่เชิญชวนผมเข้าไปดูก็คือคุณ อากิโมโตะ ยาซุชิ (秋元康)
ผมจำได้ว่าหลังจากจบไลฟ์ผมไปบอกคุณอากิโมตะว่า "ไลฟ์สนุกมาก, พยายามเข้านะครับ !" และก็จับมือกับเขา
คนที่ตาผมไปหยุดอยู่ระหว่างไลฟ์ก็คือ มาเอดะ อัทสึโกะ (前田敦子) ตอนอายุ 14 ปี และก็ ทาคาฮาชิ มินามิ (高橋みなみ) อายุ 14 ปีเหมือนกัน
จนถึงตอนนี้ถึงหลับตาก็ยังจำหน้าเกร็งและตื้นเต้นของสองคนนี้ได้อยู่
หมายความว่า, หนังสือเล่มนี้เขียนโดยคนที่ทำให้ อุเอโดะ อายะ เดบิวด์ในวงการดารา, และก็คนที่ได้ดูไลฟ์แรกสุดของ AKB48 ยังไงล่ะ
วงการไอดอลของญี่ปุ่นเรียกได้ว่าถูกเริ่มในปี 1971
ณ ตอนนั้นผมอายุ 11 ปี และก็ได้เป็นแฟนคลับของไอดอลคนนั้นตั้งแต่แรกเลย
พออายุ 20 ปีก็ได้เดบิ้วเป็นนักเขียน, และก็ได้เขียนบทความมากมายเกี่ยวกับไอดอลได้เจอและก็พูดคุยกับไอดอลมามากมาย
ได้มีโอกาสเป็นกรรมการให้งานประกวด หรือออดิชั่นด้วย
ผมเชื่อว่าเป็นคนที่ได้เห็นไอดอลมานานที่สุด, ก็เยอะที่สุด และได้ทำงานเพื่อเผยแพร่เสน่ห์ของไอดอลให้กับผู้คน
คำตอบที่ผมได้มาบรรจบก็คือ "ไอดอลเป็นงานที่ทำให้คนอื่นมา "ชอบ"" ยังไงล่ะ
พอมองอย่างงั้น, งานของผมก็คือ ""ชอบ" ไอดอลคนนั้นเร็วกว่าคนอื่น"
ไปเห็น อุเอโดะ อายะ หรือ AKB48 และก็ชอบเร็วที่สุดเป็นคนแรก
แน่นอน, ไม่ได้มีแค่ผมหรอกในวงการดารา, มีคนที่ประสบการณ์อยู่มากมาย
หรือจะเรียกว่าผู้เชี่ยวชาญด้านการ "ชอบ" ก็ได้
ผมจะมาแนะนำให้คนนึง ค่าย Sun Music ที่ก่อตั้งมาเกือบครึ่งทศวรรษ
ผมจะลองพูดชื่อมาซักหน่อยละกันไอดอลอย่างเช่น ซากุระ จุนโกะ, ฮายามิ ยู, ซาคาอิ โนริโกะ, อาดาจิ ยูมิ
ถ้าเป็นสมัยใหม่หน่อยก็ เบกกี้
คนที่ก่อตั้งบริษัทนี้ก็คือ ไอซาวะ ฮิเดโยชิ แต่ว่าน่าเสียดายที่เขาเสียชีวิตไปในปี 2013 ตอนอายุ 83 ปี
คนนี้เป็นคนที่สุดยอดเลยนะ ! ระหว่างที่เขามีชีวิตอยู่, เขาเป็นคนที่ใจดีกับผมมาก
คำที่เขาพูดให้ผมฟังหลายๆครั้งเป็นอะไรที่เปิดโลกมาก
คิดว่าไอดอลที่สุดยอดที่สุดในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นคือใครเหรอ ?
นั่นสินะ…
มัทซีดะ เซย์โกะ ไงล่ะ!
ผมเชื่ออย่างงั้น
เธอเดบิวต์ในช่วงฤดูใบไม้ผลิปี 1980 ทำให้วงการไอดอลเปลี่ยนไปมากมาย
พวกไอดอลรุ่นน้องในเวลานั้นทุกคนทำทรงผมที่เรียกว่า "เซย์โกะคัท"
ไม่ใช่แค่ไอดอลหรอก ผู้หญิงทุกคนในญี่ปุ่นช่วงนั้นได้เลียนแบบทรงผมและก็แฟชั่นทั้งนั้น
ลองไปดูรูปของมัทซึดะ เซย์โกะช่วงนั้นดู ก็ไม่ได้เป็นสาวสวยขนาดนั้น เหมือนกับผู้หญิงที่เห็นได้ทั่วไป
สไตล์ก็งั้นๆ, น้ำเสียงอาจจะพอได้ แต่ว่าร้องเพลงไม่ได้เก่งขนาดนั้น
มันแปลกเนอะ, อยู่ๆคนอย่างงั้นมาเป็นคนดังได้ยังไงกัน
เป็นเพราะคนที่เลี้ยงดูมัทซึดะ เซย์โกะเหมือนพ่อ, คุณไอซาวะ ฮิเดโยชิยังไงล่ะ
ตอนอายุ 18 ปี เซย์โกะย้ายมาจากฟุกุโอกะไปอาศัยที่โตเกียว ไปอยู่ข้างไต้บ้านของคุณไอซาวะ
ทุกๆเช้าพวกเขาออกไปวิ่งด้วยกัน ไอซาวะซังเป็นคนบอกผมมา
"มัทซีดะเป็นคนขาโก่ง, ก็เลยไม่ผ่านออดิชั่นรอบสุดท้ายค่ายดาราใหญ่ด้วยเหตุผลนั้น. แต่ว่าผมไม่เห็นว่าจะเป็นปัญหาอะไร ก็เลยให้ลองใส่กระโปรงสั้นดู ถ้าพยายามซ่อนจุดอ่อนด้วยกระโปรงยาว, ยังไงก็ขายไม่ออกเหรอก พูดเลยนะ ถ้าไม่มีวันนั้นก็คงจะไม่มีมัทซีดะ เซย์โกะวันนี้"
เข้าใจแล้ว ! เป็นเรื่องที่สุดยอดมาก
อย่างงี้นี่เอง, ไอดอลเนี่ย, จุดบกพร่องก็เป็นสเน่ห์ได้, จุดอ่อนกลายไปเป็นจุดแข็งได้เหมือนกัน
หมายความว่า สิ่งพวกนี้คือความเป็นตัวเรายังไงล่ะ ความเป็นตัวเราคือ "เสน่ห์ของจุดบกพร่อง" ยังไงล่ะ
สาวสวยที่ร้องเพลงเก่ง, แต่งตัวดี, ดาราที่ไม่มีจุดบกพร่อง
ก็มีโอกาสที่จะขายไม่ออกเหมือนกัน
ผมมีสิ่งที่อยากให้ทุกคนทำครับ ลองหากระดาษมาจดสิ่งที่ตัวเองบกพร่องดู
คงจะมีหลายๆอย่างเลยเนอะ เขียนสิ่งที่ตัวเองรู้สึกได้ที่เป็นจุดบกพร่องออกมาให้หมด
อย่าพยายามซ่อน หรือกลบเกลื่อน ไม่งั้นเธอจะกลายเป็นคนปกติ
หลังจากนั้นก็มาลองเป็นจุดบกพร่องนี้ให้เป็นเสน่ห์ดู
ประมาณนี้เนอะ ไม่พยาพยามที่จะซ่อนจุดบกพร่องเรา, แต่เอามันออกมาและก็ใชัมันเป็นวิธีในการเปลี่ยนให้เป็นจุดเด่น เขียนลงไปในกระดาษและก็นึกถึงมัน
ถ้าเป็นเรื่องเรียนปกติเราจะทำยังไงละ คุณครูคงจะชอบพูดว่า "มาลุยวิชาที่เราไม่ถนัดกันเถอะ" ในเคสนี้คงกลายเป็น "มากำจัดจุดบกพร่องของเรากันเถอะ"
แต่ไอดอลไม่ใช่อย่างงี้ สาวน้อยที่ไม่มีจุดบกพร่อง, ไม่มีทางเป็นไอดอลได้หรอก
การที่จะมีคนมา "ชอบ" ไม่ใช่การที่เขาจะปิดตาไม่เห็นจุดบกพร่องและชอบเรา แต่ "ชอบ" เราทั้งหมดรวมไปถึงจุดบกพร่องด้วย
เห็นด้วยในความเป็นอยู่ของคนคนนั้นยังไงล่ะ
เข้าใจไหม
"ไอดอลคืองานที่ทำให้คนอื่นมา "ชอบ""
"สำหรับไอดอล, จุดบกพร่อง คือ เสน่ห์"
จำสองสิ่งนี้ไว้ให้ดี
อย่าได้ลืมเลยนะ !
ถ้าจำได้แล้วจะเป็นไงต่อล่ะ ? เธอก็จะไม่ใช่เธอคนเมื่อวานแล้ว เปลี่ยนไปเยอะมาก
เข้าใกล้ความเป็นไอดอลที่ใฝ่ฝันอีกหน่อยแล้วยังไงละ !!
© 2023-2024 HamP, Assets used in the site belongs to respective owner | View Source