Translations | May 2023Read in Outline
ในที่สุดพวกเธอก็เข้าใจว่าไอดอลคืออะไร
เธอไม่เหมือนเธอเมื่อวันก่อนอีกแล้ว
หนูอยากเป็นไอดอล !
ตอนนี้เธอก็เข้าใจแล้ว ว่าตัวตนที่แท้จริงของสิ่งที่ตัวเองอยากเป็นคืออะไร
แต่เดี๋ยวก่อน
การมาเป็นไอดอลเนี่ย มันเป็นยังไงกันนะ ?
ฟังนะ พูดง่ายๆมันก็คือ
การมีอาชีพเป็นไอดอล
สำหรับเธอ ตอนนี้ไอดอลอาจจะเป็นความฝันหรือสิ่งที่ใฝ่ฝันอยู่
แต่ว่าถ้าปล่อยให้ความฝันเป็นความฝันอย่างนั้น
ก็ไม่มีวันได้เป็นไอดอลหรอก
คงเข้าใจเนอะ
การที่จะตามความฝัน
ก็คือก็ทำให้ความฝันไปเป็นอาชีพยังไงล่ะ
แล้วอาชีพคืออะไรหล่ะ
การทำงาน ? แรงงาน ? มืออาชีพ ? มีชือเรียกได้หลายแบบหรอก
พูดง่ายๆก็คือ สิ่งทำแล้วได้เงินจากสิ่งนั้นยังไงล่ะ
ไม่เหมือนงานอดิเรก
มีความรับผิดชอบ และก็มีผู้คนมาเกี่ยวข้องมากมาย
ยกตัวอย่างเช่น จะเป็นไอดอลก็ต้องสังกัดกับค่ายค่ายนึง
ในนั้นก็มีผู้จัดการ, ประธาน, คนอื่นๆที่ทำงานในนั้นอีก
พอจะเดบิ้ว ก็มีคนหลายๆคนที่ทำงานเพื่อเธอ
เช่น นักพระพันธ์เนื้อร้อง, ทำนองเพลงที่ร้อง
คนคิดท่าเต้น, คนทำเพลง
นอกจากนั้นเวลาออกรายการทีวี ก็จะมีคนที่สถานีโทรทัศน์
เวลาไปแสดงไลฟ์ก็มี ทีมงานที่จัดไลฟ์
เวลาถ่ายกราเวียก็มี ตากล้อง และก็ สำนักพิมพ์
ใช่แล้วแหละ ต้องใช้กำลังของคนอื่นๆมากมาย
งานของไอดอลได้รับการสนับสนุนจากผู้คนหลายๆฝ่าย
พอรวมทุกอย่างแล้วสิ่งนี้เรียกได้อีกอย่างว่า "วงการบันเทิง"
การที่เธอ "จะมาเป็นไอดอล" ก็คือการที่เธอ
"อยากเข้ามาเป็นหนึ่งในคนที่ทำงานในวงการบันเทิง" ยังไงล่ะ
ผมพูดไปแล้วว่า อาชีพ ก็คือ การทำงานเพื่อได้รับเงิน
พูดอีกอย่างก็คือ การทำงานเพื่อ "เชื่อมกับสังคม"
หะ ? สังคม ? เกี่ยวอะไร ?
คงจะส่ายหัวงงอยู่ล่ะซิ
สังคมคืออะไร ?
พูดง่ายๆก็คือ สถานที่ที่ไม่ใช่ ครอบครัว และก็โรงเรียน
ให้นึกถึงมันเหมือน ที่รกร้างอันแสนโหดร้าย
ที่อยู่ด้านนอกของครอบครัวและก็โรงเรียน
พอคนเติบโต ก็ออกไปในที่รกร้างแห่งนั้น
ก่อนจะถึงตอนนั้น ก็อยู่ในความคุ้มครองของที่บ้านกับโรงเรียน
เพื่อฝึกตัวเองให้ออกไปสู่สังคม
แต่ว่า ถ้าเธอจะมาเป็นไอดอล จะเป็นยังไงกันล่ะ ?
อยู่ๆก็ต้องเข้าไปอยู่ในสังคมภายนอก ไม่มีครอบครัวหรือโรงเรียนมาคอยปกป้อง
ถ้าเกิดอายุยังไม่ถึง 20 ปี/ ยังไม่บรรลุนิติภาวะละก็
กฏหมายก็ยังคุ้มครองในระดับนึง แต่ก็ไม่ได้เยอะขนาดนั้น
การที่จะออกไปสู่สังคม เราก็ต้องปกป้องตัวเองด้วยคนเอง
และก็ใช้ชีวิตอยู่อย่างงั้น
ผมจะสอนสิ่งที่สำคัญมากๆ ในการเอาตัวรอดในสังคมให้
ฟังดีๆนะ จริงๆแล้ว
ชีวิตมันไม่ยุติธรรม
ยังไงล่ะ
เอ๊ะ, อะไรกัน มันแน่อยู่แล้วไม่ใช่อยู่
คงจะคิดอยู่ยังงั้นใช่ไหมล่ะ
ก็จริงแหละ ว่ามันแน่นอนอยู่แล้ว
งั้นขอถามอย่างนึง, ใครเป็นคนสอนเรื่องนี้กับเธอเหรอ
คุณครู ? นักการเมือง ? สื่อ ?
ไม่จริงหรอก ไม่มีใครพูดเรื่องนี้ออกมาหรอก
"ทุกคนเท่าเทียมกัน, กฏหมายก็เขียนไว้อย่างงั้น, ไม่มีทางไม่ยุติธรรมหรอก"
ผู้ใหญ่คงจะชอบพูดกันอย่างงี้ใช่ไหมล่ะ
แต่ว่าความเป็นจริงไม่ใช่อย่างงั้นเลย ไม่เท่าเทียมกันเลยซักนิด
เด็กที่รวยกับเด็กที่จน เท่าเทียมกันยังไงเหรอ
เด็กที่สวยกับเด็กที่ไม่สวย เท่าเทียมกันเรอ
ไม่มีทางหรอก !
จริงๆแล้วผู้ปกครองก็ควรจะสอนเรื่องเหล่านี้ให้แก่เด็กๆเนอะ
แต่ครอบครัวสมัยนี้คงไม่ใช่หรอก
ถ้าเกิดลูกไปโรงเรียนแล้วถูกกระทำแบบไม่ยุติธรรม
ก็คงโดนผู้ปกครองร้องเรียนแน่นอน
แน่นอนว่ามันไม่ได้ผิดหรอก
แต่ว่าโตมาแบบนี้
ก็สงสัยว่าจะเป็นยังไงพอออกไปสู่สังคมภายนอก
สังคมเต็มไปด้วยความไม่ยุติธรรม และความไม่เท่าเทียม
แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่ดี
แต่คนเราก็ต้องใช้ชีวิตในสังคมแบบนั้น
พอเป็นอย่างงั้น เด็กดี, หรือเด็กที่คล้อยตามไปกับคำพูดของคนในสังคม
ก็จะหมดกำลังใจ และก็ยอมแพ้ไป
มนุษย์มันไม่เท่าเทียมหรอก
เรื่องอย่างงั้นอ่ะ รู้อยู่แล้วแหละ
แต่ว่า "รู้" กับ "เข้าใจ" มันไม่เหมือนกันนะ
พวกเธอรู้จักปลาวาฬใช่ไหมหละ
แต่พวกเธอเคยเห็นปลาวาฬต่อหน้าต่อตาหรือเปล่า
เคยสัมผัสปลาวาฬตัวเป็นๆหรือเปล่า
ใช่แล้วล่ะ การ "เข้าใจ" ก็คือได้สัมผัสปลาวาฬตัวเป็นๆยังไงละ
ยกตัวอย่างสมัยนี้ โรงเรียนประธมหลายๆที่ไม่อนุญาติให้มอบช๊อคโกแลตให้กันในวันวาเลนไทน์
โดยให้เหตุผลว่า "คนที่ไม่ได้จะเสียใจ"
คงจะแน่นอนอยู่แล้วที่จะเสียใจ
แต่ว่าพอออกไปในสังคมละเนี้ย
มีเรื่องให้เจ็บปวดอีกมากมายเลยนะ
ผมคิดว่าเราควรจะให้ฝึกรู้สึกเจ็บปวดตั้งแต่เด็กๆ
ถ้าไม่ได้รู้สึกเจ็บและจำจริงๆ
ก็จะไม่ "เข้าใจ" ถึงความเจ็บปวดหรอก
กีฬาต่างก็มีกฏกติกาเนอะ
ถึงอย่างงั้นก็รู้สึกแปลกอยู่ดี
หลายๆคนชอบบอกว่าการแก้กฏมันไม่ยุติธรรม
แต่วงการบันเทิงไม่ได้มีกฏตายตัวเหมือนกีฬา
ความไม่เท่าเทียม, ไม่ยุติธรรม เล็ดรอดไปตลอดทุกๆวัน
อาจจะเป็นเรื่องที่ไม่ดีก็ได้
แต่นี่คือวงการบันเทิงสมัยนี้
เหมือนกับสังคมสมัยนี้
จากไอดอลและดาราหลายๆคนที่ผมพอเจอมา
ผมคิดว่าคนที่ประสบความสำเร็จมีอยู่สองประเภท
อย่างแรกคือ คนที่คิดว่าความไม่เท่าเทียม หรือความอยุติธรรมไม่มีอยู่จริง
และก็เชื่อมันตั้งใจสุดชีวิต
อย่างที่สองคือ คนที่เข้าใจถึงความไม่เท่าเทียม และความอยุติธรรมในสังคม
และก็ทำอะไรซักอย่างเพื่อก้าวข้ามผ่านมัน
ความไม่เท่าเทียม และความอยุติธรรมในสังคมมันแปลก
ฉันไปได้ไม่ดีก็เพราะมันยังไงล่ะ
แบบนี้มันอยู่ไม่ได้หรอก !
คนโกรธและก็คิดแบบนี้มีเยอะมาก
หลังจากนั้นคนพวกนี้ก็จากไปจากวงการ
พอได้สนิทกับคนแบบนี้ที่ได้เข้าวงการบันเทิงนิดหน่อย และก็ออกมา
ก็จะได้ยินเรื่องราวแบบนี้เยอะ
รัฐบาลมีหน้าที่แก้ไขความไม่เท่าเทียม และความอยุติธรรมในสังคมไม่ใช่เหรอ
แต่ว่าพวกเราก็ยังคงใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางความไม่เท่าเทียมไม่ยุติธรรมนั้นอยู่
ทุกๆอยู่ท่ามกลางความเจ็บปวดทุกๆวัน
นันคือการ "มีชีวิตอยู่" ยังไงล่ะ
วงการบันเทิงก็คือสถานที่ของ "การมีชีวิตอยู่แบบยากขั้นสุด" ยังไงล่ะ
พวกคนที่โอเคกับการเป็นอยู่อย่างงั้น ที่จะอยู่รอดได้
วงการบันเทิงกับสังคมทั่วไป, ไอดอลกับคนทั่วไป มันต่างกันยังไงนะ
พื้นฐานแล้วก็เหมือนกันแหละ, ไอดอลก็เหมือนกันคนปกติ
พอมีความรัก, ก็มีเรื่องกังวล
พอมีความสุข, ก็หัวเราะ
พอมีเรีองเสียใจ, ก็ร้องไห้
ไม่ต่างกับพวกเราหรอก
ไม่สิ ยกเว้นกับเรื่องเรื่องนึง
ความเร็วยังไงล่ะ
การที่เป็นที่นิยมในฐานะไอดอล
ก็เหมือนการนั่งอยู่บนยานพาหนะที่วิ่งด้วยความเร็ว
อย่างเช่น เวลาที่สร้างทวิตเตอร์ และก็พยายามทีจะเพิ่มจำนวนผู้ติดตาม
การที่จะรวบรวมผู้ติดตาม มันยากและก็ใช้เวลาเยอะเนอะ
แต่ถ้าเป็นไอดอลจะเป็นยังไงล่ะ
พอเริ่มทวิตเตอร์, แปปเดียวก็มีคนหลายหมื่นคนมาติดตาม
ใช่แล้วละ สิ่งที่หวัง แปปเดียวก็ได้มา
ยานพาหนะที่วิ่งเร็วมันสะดวก
ถ้าจะเดินจากโตเกียวไปอาโอโมริคงจะในหลายต่อหลายวัน
ถ้ามีรถแล้ววิ่งบนทางด่วนก็คงจะถึงได้ภายในวันนั้น
ถ้าขึ้นเครื่องบินไปก็ถึงได้ใน 1 ชั่วโมง
แต่เดี๋ยวก่อน, มันก็ใช่ว่าจะมีเรื่องดีเสมอไป
ยานพาหนะที่วิ่งเร็วก็อันตรายเหมือนกัน อุบัติเหตุต่างก็น่ากลัว
ถ้าเดินระหว่างล้มก็คงจะไม่มีปัญหาอะไรมาก
ถ้ารถชนบนทางด่วนก็เป็นเรื่องใหญ่
ถ้าเครื่องบินร่วง ทุกคนอาจจะเสียชีวิตหมดเลยก็ได้
ไอดอลเหมือนกัน
เรื่องเล็กๆน้อยๆของคนปกติทั่วไปอาจจะมากับความเสี่ยงมากมาย
ถ้าเกิดพูดอะไรแปลกๆลงทวิตเตอร์ ก็กลายเป็นเรื่องใหญ่ได้
แค่มีคนจับได้ว่ามีความรัก ก็เป็นเรื่องใหญ่
รู้จักลูกดาราใช่ไหม
ลูกของดารา, ก็เป็นดาราเหมือนกัน
ถ้าพ่อแม่เป็นที่นิยม, ลูกก็เป็นที่นิยมตั้งแต่เกิดมาเหมือนกัน
มันไม่ยุติธรรมเลย ! ไม่เห็นต้องทำอะไรก็เป็นที่นิยมมาตั้งแต่แรกแล้ว
เดบิ้วในวงการได้ง่ายๆเลย
ลูกดาราก็เหมือนเกิดมาอยู่บนยานพาหนะวิ่งด้วยความเร็ว
ลองคิดดู, ใช่ เวลาที่เกิดอุบัติเหตุแหละ
ลูกของดาราใช่กัญชาแล้วถูกจับ, มีคนพูดถึงมากมายหลายครั้ง
ถ้าเป็นคนปกติล่ะ, ก็คือเป็นเรื่องเล็กน้อยไม่ถึงกับต้องลงหนังสือพิมพ์หรอก
แค่คนทำเป็นลูกของคนดัง, ก็หลายเป็นเรื่องใหญ่มโหฬาร
ก็เพราะเคลื่อนที่ด้วยความเร็ว ก็เลยเป็นอย่างงั้น
ลูกของดาราเกิดมาโชคดี, แต่ก็แบกความเสี่ยงไว้ตลอดเวลามีอุบัติเหตุ
เดบิ้วในฐานะไอดอล, โด่งดังขึ้นมา,
แต่ก็มีโอกาสที่จะมีปัญหาทางสุขภาพจิตจากเรื่องเล็กๆน้อยๆ
นั่นก็เพราะไม่ได้รู้สึกถึงความเร็วของยานพาหนะที่ตัวเองนั่งอยู่
พูดอีกอย่างก็คือยังไม่ชินกับความเร็วนั้นยังไงล่ะ
พอเดบิ้วแล้ว, เกิดในวงการ, กลายมาเป็นคนดังแล้วก็
ความเร็วก็จะเร็วขึ้นไปอีก เหมือนกันเครื่องบิน
พุ่งทยานไปสู่ความฝัน แต่ก็อันตรายเหมือนกัน
ยานพาหนะที่พุ่งไปด้วยความเร็วสูง
บางครั้งก็อันตรายถึง "ตาย" เหมือนกัน
สำหรับคนที่ใฝ่ฝันจะไปเป็นไอดอล
ผมมีเรื่องที่ควรจะรู้มาสอน
คงไม่มีใครมาสอนเรื่องนี้ให้แน่นอน
ถ้าพวกเธออยากทำงานเป็นไอดอลจริงๆ
เรื่องๆนี้จะได้ใช้ประโยชน์อย่างแน่นอน
เอาล่ะนะ
ในโลกนี้ไม่มีคนที่ดีไปทั้งหมด และก็แย่ไปทั้งหมด
ยังไงล่ะ
อีกแล้วเหรอ, เรื่องแบบนี้มันก็แน่นอนอยู่แล้วซิ
คงจะคิดอย่างงั้นอยู่ละซิ
แน่ใจหรือเปล่า ว่าตัวเองเข้าใจเรื่องนี้จริงๆ
อ่ะ, มาลองทดสอบกันดีกว่า
อย่างแรกเลย, ลองนึกถึงหน้าคนที่เธอไม่ชอบจริงๆดูซิ
เป็นไง รู้สึกไม่ดีมะ
เกลียด เกลียด เกลียดที่สุด, คนแบบนี้หายไปก็ดี
แล้วไอนั้นสรุปเป็น คนดี หรือ คนไม่ดีล่ะ ?
คงจะคิดว่า "ก็แน่นอนว่าไม่ดีอยู่แล้วซิ" อยู่ซิท่า
ฟังนะ, คนเราอ่ะเป็นสิ่งที่อ่อนแอ
เราไม่อยากให้ใครมาคิดว่าตัวเองเป็นคนไม่ดี
ยอมไม่ได้เวลาคนมาว่าเราไม่ดี
แต่อย่างงั้น เราก็ชอบมองคนที่เราไม่ชอบว่าเป็นคนที่ไม่ดี
ถ้าเราลองมองจากอีกฝั่ง จะเป็นยังไงล่ะ
เขาเองก็ไม่ได้คิดว่าเขาเป็นคนไม่ดี
ในความเป็นจริง, ไม่ว่าคนคนนึงจะไม่ดีขนาดไหน
หรือว่าถูกเกลียดโดยทุกคน
ส่วนใหญ่ก็ยังมีสิ่งดีๆซักอย่างแหละ
เช่นมีครอบครัวที่รักอยู่, สำหรับครอบครัวของเขาแล้ว
เขาอาจจะเป็นสิ่งที่สำคัญในครอบครัว
แต่สำหรับเธอที่เกลียดเขา,
ก็คงไม่คิดจะพยายามที่จะไปมองในมุมนั้นเลยใช่ไหมล่ะ
นี่แหล่ะปัญหา
เอ๊ะ หมายความว่าอะไรยังงั้นเหรอ
ถ้าเกิดเป็นเด็กที่เกิดในบ้านที่ทำอาชีพบริการคงจะเข้าใจแหละ
บ้านของผมเป็นอิซากายะ, ผู้คนเข้ามาซื้อเหล้า
จะบอกให้เลย, ร้านค้าอ่ะ เลือกลูกค้าไม่ได้หรอก
ถ้าเกิดไม่ชอบคนนี้ จะห้ามให้เขามาร้านก็ไม่ได้
ทำแบบนี้ก็ขายของไม่ได้ซิ
ร้านแบบนั้นอีกไม่นานก็เจ๊ง
วงการบันเทิงก็เป็นบริการชนิดนึงที่เปิดเผยให้ทุกๆคนเห็นอย่างไงล่ะ
จะปฏิเสธคนที่ไม่ชอบไม่ได้
เป็นธรรมชาติของคนเราอยู่แล้วที่จะมีสิ่งที่ชอบและไม่ชอบ
แต่ว่าเราก็จะมามองว่ามันเป็นสิ่งที่ดีหรือไม่ได้ไม่ได้
สมมุติว่าเธอเข้าไปอยู่ในค่ายบันเทิง
และก็ได้ผู้จัดการให้เธอที่เป็นมือใหม่
แต่เป็นคนที่ไม่ชอบมากๆ ไม่อยากทำงานด้วยเลย
ไม่อยากพูดด้วย ไม่อยากเจอหน้า ทนไม่ได้
แต่ว่าเธอที่ยังเข้ามาใหม่ๆ ก็คงจะขอเปลี่ยนผู้จัดการไม่ได้
บริษัทไม่รับฟังแน่ๆ
เธอก็ได้แต่ทนอยู่ร่วมกับผู้จัดการคนที่เกลียดสุดไป
เด็กที่ทนอยู่อย่างงี้แล้วลาออกจากสังกัดหรือวงการบันเทิง
จริงๆแล้วมีอยู่หลายต่อหลายคน
หลายคนชอบบอกว่า ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ทำงานแบบไหน
เรื่องความสัมพันธ์ผู้คนเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด
พนักงานบริษัทที่ทำงานอยู่ใต้เจ้านายที่ไม่ชอบ
ก็คงจะทนไม่ได้อยู่แล้วใช่ไหมละ
แย่ไปกว่านั้น ไอดอลมือใหม่ที่ยังขาดประสบการณ์ชีวิต
แล้วต้องมาเจอผู้จัดการที่ไม่ชอบอีก ก็คงทนไม่ได้หรอก
ผมพูดเลยนะ,
คนที่ยอมแพ้เพราะเรื่องนั้นอ่ะ ไม่เหมาะกับวงการบันเทิงตั้งแต่แรกแล้วล่ะ
เข้าใจไหม วงการบันเทิงอ่ะ นอกจากผู้จัดการแล้ว
ก็ต้องพบเจอกับคนมากมายที่ไม่ชอบตลอดๆอยู่แล้ว
ไอดอลนี้มีงานจับมืออยู่เรื่อยๆแล้วใช่มะ
นั้นมันสุดยอดเลยนะ
ไม่ว่าจะไม่ชอบอีกฝ่ายแค่ไหน, ยังไงก็ต้องจับมือเขา
ยิ้มแย้มและหัวเราะไปด้วย
คนที่มาจับมือด้วยอาจจะเป็นฆาตกรก็ได้
แต่ไอดอลก็ไม่สามารถปฏิเสธการจับมือได้อีก
สุดยอดไปเลยนะ
สิ่งที่สำคัญสุดๆของไอดอล เรื่องนี้อยากได้ลืมเลยนะ
รอยยิ้ม ยังไงล่ะ
ไอดอลต้องแสดงรอยยิ้มที่แท้จริงให้กับแฟนๆ
คนที่มาบ่อยๆจะรู้เลยว่าอันไหนคือ ยิ้มแบบฝืนๆ หรือยิ้มแบบจริงๆ
สำหรับแฟนๆที่ติดตามตัวเองอยู่ตลอด, ไม่ว่าจะเป็นใคร ก็สามารถแสดงรอยยิ้มที่แท้จริงออกมาได้
นั้นคือเคล็ดลับของไอดอลยังไงล่ะ
แฟนๆของไอดอลส่วนใหญ่จะเป็นคนเหงาๆ แฟนก็ไม่มี เพื่อนก็ไม่มี
ไม่เคยพบเจอประสบการณ์ความรักมาก่อน
คงจะเหงาน่าดู
แล้วก็จะมีความคิดอย่างเช่น
"อยากให้มีผู้หญิงซักคนในโลกนี้ ที่จะมาแสดงรอยยิ้มที่แท้จริงให้ดู เพื่อคนคนนั้นผมทำได้ทุกอย่าง"
นั้นคือความสัมพันธ์ของไอดอลกับแฟนคลับยังไงล่ะ
เธอต้องแสดงรอยยิ้มที่แท้จริงๆให้ได้
เพื่อที่จะเป็นไอดอล
นั้นคือ… อาชีพของไอดอลยังไงล่ะ
ไอดอลก็เป็นคน มีอารมณ์ความรู้สึก
มีคนที่ชอบ และคนที่ไม่ชอบเหมือนกัน
เราหัวเราะต่อหน้าคนที่ไม่ชอบไม่ได้หรอก
จะให้ชอบทุกคนก็ทำไม่ได้
แต่ว่าถ้าลองคิดแบบนี้ดูล่ะ
ไม่ว่าจะไม่ชอบคนนึงขนาดไหน เขาก็มีด้านที่ดีอยู่
การที่เราเข้าหาด้านที่ดีของเขาเป็นเรื่องสำคัญ
ในโลกนี้ไม่มีคนที่ดีไปหมด และก็แย่ไปหมด
ไม่ว่าจะเป็นคนที่ไม่ได้ หรือคนที่ชอบ ยังไงก็มีด้านที่ดี
ถ้าเราหันไปหาด้านที่ดีของเขาและหัวเราะให้มัน
เราก็จะสามารถแสดงรอยยิ้มที่แท้จริงให้เขาได้
ต้องได้ซิ, ผมเชื่ออย่างงั้น
เอาล่ะ ลองนึกถึงหน้าของคนที่ไม่ชอบดูสิ
เป็นยังไงล่ะ, ยังไงก็รู้สึกหงุดหงิดอยู่สินะ
เกลียด เกลียด เกลียด
แต่ว่า, คนนั้นไม่ใช่คนไม่ดีเสมอไป, ต้องมีด้านที่ดีแน่นอน
เหมือนกับเธอ
ลองนึกถึงครอบครัวของเขาซิ ลูกๆ, คุณพ่อ, คุณแม่
คนที่ให้ความสำคัญกับเขา, คนที่รักเขา
ลองนึกถึงเขาในมุมนี้ดู คงจะหัวเราะได้เนอะ
หัวเราะออกมาซิ
แสดงรอยยิ้มที่แท้จริงออกมา
เพื่อคนคนนั้น
ต้องทำได้อยู่แล้ว !
ทำไมยังงั้นเหรอ ?
ก็เพราะนั้นคืองานของเธอยังไงล่ะ
ใช่แล้วและ, ก็เพราะเธอคือไอดอลแล้วยังไงล่ะ !
© 2023-2024 HamP, Assets used in the site belongs to respective owner | View Source